จากกรณีโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอ-ลอว์) ตั้งข้อสังเกตว่าคำสั่งคสช. ที่ 3/2558 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมบุคคลมาปรับทัศนคติไม่ได้ถูกยกเลิกไป แต่ปรับเปลี่ยนให้เป็นอำนาจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กอ.รมน. เป้นฝ่ายพลเรือนไม่ใช่ทหารทำอะไรต้องอยู่ใต้กฎหมาย ไม่มีอำนาจควบคุมตัวแต่การคงอำนาจแบบนี้ไว้เพราะเป้นการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ดีกว่าต้องประกาศกฎอัยการศึก

วันที่ 16 ก.ค. พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. กล่าวชี้แจงว่า คสช.ไม่ได้โอนอำนาจดังกล่าวให้ กอ.รมน. และในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ แต่กฎหมายที่ คสช.ใช้อยู่คือ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ในการดูแลความเรียบร้อย เมื่อมีสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงเกิดขึ้นก็จะประกาศเป็นพื้นที่รักษาความสงบเรียบร้อย

เมื่อมีการประกาศแล้วก็จะต้องมีการใช้กำลัง ซึ่ง กอ.รมน. จะเลือกใช้อำนาจหน้าที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และสอดคล้องกับหน่วยงานที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบคือทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผู้ที่จะตัดสินใจเลือกใช้กำลังจะต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง

สำหรับการเชิญตัวบุคคลมีอยู่ใน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อยู่แล้ว เป็นการเชิญตัวบุคคลมาให้ข้อมูลได้ ไม่ใช่การเชิญตัวบุคคลมาสอบปากคำหรือกักขัง ไม่มีอำนาจเรียกบุคคลที่เห็นต่างทางการเมืองเข้ามาพูดคุย เป็นกฎหมายคนละอย่างกับ คสช. ซึ่ง กอ.รมน.จะพยายามใช้กฎหมายที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของประชาชน

ทั้งนี้ รวมถึงกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่เดินสายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับต่างประเทศ กอ.รมน.ก็ไม่มีอำนาจในการเรียกเข้ามาพูดคุย