โค้ชดี ลูกค้าไม่หนี “แจ็ค ทอมัส” แชร์เคล็ดลับของ BASE Bangkok ฟิตเนสเบอร์ 1 ของเอเชีย

ท่ามกลางการแข่งขันที่ต้องสู้กับทั้งผู้ประกอบการรายอื่น และกับตัวเอง ธุรกิจฟิตเนสเป็นหนึ่งในธุรกิจที่คนไทยได้เห็นทั้งผู้เล่นหน้าเก่าหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเปิดให้บริการนับไม่ถ้วน บางรายก็ยังคงยืนหยัดให้บริการลูกค้าได้จนถึงทุกวันนี้ แต่บางรายก็ปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดายด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

BASE Bangkok ก่อตั้งในปี 2559 เปิดให้บริการฟิตเนสในย่านทองหล่อ สาทร อมรินทร์ และหลังสวน อาจไม่ใช่ฟิตเนสที่เปิดหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ มากขนาดนั้น แต่แต่ละสาขาก็อยู่ในย่านที่เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS 

แต่จุดเด่นของ BASE Bangkok ไม่ได้อยู่ที่จำนวนสาขา แต่คือการมอบประสบการณ์ในการให้บริการด้านการออกกำลังกายที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล ที่ทำให้ BASE Bangkok ได้รับรางวัล ‘ยิมยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชีย’, ‘ยิมที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ’ และ ‘สตูดิโอออกกำลังกายที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ’ การันตีรางวัลจากคณะกรรมการในอุตสาหกรรมฟิตเนสทั่วเอเชีย ที่พิจารณาจากการให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟิตเนสบนเว็ปไซต์และออนไลน์ รีวิวจากลูกค้า วิธีการฝึกสอน รวมถึงคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ และคะแนนโหวตจากผู้ใช้บริการจริง

แจ็ค ทอมัส (Jack Thomas) ซีอีโอของ BASE Bangkok

ความพิเศษของ BASE Bangkok ที่แตกต่างจากฟิตเนสอื่น

แจ็ค ทอมัส (Jack Thomas) ซีอีโอของ BASE Bangkok เผยถึงความพิเศษของ BASE Bangkok ว่า เป็นยิมที่เน้นการออกกำลังกายรูปแบบ High Intensity Interval Training (HIIT) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ BASE Bangkok โดยการใช้อุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายหลากหลายประเภทผสมผสานกัน

วิธีการออกกำลังกายด้วย HIIT เป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพราะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในการเผาผลาญไขมันได้อย่างดีเยี่ยม และช่วยเพิ่มระดับความฟิตของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

ใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ในการออกกำลังกาย

BASE Bangkok ยังมี BASELINE เทคโนโลยีเฉพาะของ BASE Bangkok ที่ช่วยติดตาม และบันทึกผลการออกกำลังกายของผู้ใช้บริการ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเห็นผลลัพธ์และความก้าวหน้าของตนเองผ่านแอปพลิเคชันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายอีกด้วย

ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพของกลุ่มลูกค้า

BASE Bangkok มีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าเป็นคนอายุ 25-40 ปี รายได้ระดับกลางถึงสูง ทั้งเพศชายและเพศหญิง ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ เทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ คือ

1. การฝึกซ้อมแบบผสมผสานเพื่อการแข่งขัน หรือ hybrid race training เช่นแบรนด์ Hyrox ที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย ทาง BASE Bangkok ตอบรับความต้องการของกลุ่มคนรักสุขภาพในไทย จึงเปิดคลาสฝึกซ้อม Hyrox เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับลูกค้าสำหรับการแข่งขัน Hyrox รวมถึงผู้ที่ต้องการออกกำลังกายให้แข็งแรงขึ้น 

   นอกจาก hybrid race training จะเป็นวิธีการออกกำลังกายที่สนุกแล้ว การมีเป้าหมายในการแข่งขันยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายอีกด้วย“แม้ว่าการแข่งขันในรูปแบบนี้จะยังไม่แพร่หลายมากนักในประเทศไทย แต่เริ่มมีความนิยมเพิ่มขึ้นแล้ว โดยอย่างยิ่งในระดับภูมิภาค ลูกค้าบางรายเดินทางไปแข่งขันถึงฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เราจึงมองว่าเทรนด์การออกกำลังกายประเภทนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” แจ็ค ทอมัส กล่าว

2. พิลาทิส (Pilates) ที่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์การออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย 
3. การออกกำลังกายแบบเสริมสร้างกำลัง หรือ Strength training ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่กำลังมาแรง มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 10 ปี และยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผลักดันบุคลากรฟิตเนสไทย ก้าวไกลสู่ระดับสากล

แจ็ค ทอมัส ต่อยอดความสำเร็จของ BASE Bangkok ในการเป็น ‘ยิมยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชีย’ ด้วยการเปิดตัวคอร์ส BASE Pro เพื่ออบรมโค้ชและเทรนเนอร์ในไทยด้วยหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับจากมาตรฐานสากล โดยผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรของ BASE Pro จะได้รับใบรับรองที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ซึ่งเป็นใบรับรองอันดับหนึ่งของโลกที่ออกโดย NASM (National Academy of Sports Medicine) โดยหลักสูตรนี้มีเนื้อหาที่ครอบคลุม และทำให้โค้ชและเทรนเนอร์สามารถทำงานได้ทุกที่

หลักสูตร BASE Pro สามารถพัฒนาด้านวิชาชีพให้กับบุคลากรในวงการฟิตเนส ทำให้สามารถทำงานในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างถูกกฎหมาย และให้ความรู้ในการฝึกสอนผู้อื่นได้อย่างถูกต้องแม่นยำเทียบเท่าต่างประเทศ

นอกจากนี้ สำหรับคนทั่วไปก็สามารถเข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ได้เช่นกัน เพื่อพัฒนาตนเองและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝึกซ้อม เรียนรู้วิธีการบรรลุเป้าหมายตนเอง รวมถึงการฝึกสอนด้วตัวเองให้กับสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเทรนด์ล่าสุดของการดูแลสุขภาพอีกหนึ่งอย่างก็คือ ‘การศึกษาด้วยตนเอง’ ที่ BASE Pro ช่วยให้คนที่สนใจการออกกำลังกายได้เรียนรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเองอย่างจริงจัง

เอาตัวรอดในยุคฟิตเนสต้องสู้

ในอดีตมีฟิตเนสบางเจ้าที่ต้องปิดตัวลง แจ็ค ทอมัส เล่าว่า ความท้าทายในการบริหารธุรกิจฟิตเนสในไทย หลักๆ แล้วมี 2 ข้อด้วยกัน

1. การหาลูกค้าใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง BASE Bangkok แก้ปัญหานี้โดยมุ่งมั่นให้ประสบการณ์และบริการที่ดีเยี่ยมแก่ลูกค้าทุกครั้งที่มาเยือน โดยสร้างชุมชนเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมและได้รับการต้อนรับอย่างดีอยู่เสมอ 
2. การสรรหาพนักงานรวมถึงการคัดเลือกโค้ชที่มีคุณภาพ ซึ่ง BASE Bangkok รับมือกับปัญหานี้ด้วยการสร้างกระบวนการคัดเลือกโค้ชอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาเหมาะสมกับ BASE Bangkok จริงๆ เมื่อได้ทีมโค้ชที่มีคุณภาพแล้ว จึงตั้งเป้าที่จะเก็บรักษาบุคลากรให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ รวมถึงการปฏิบัติต่อโค้ชแต่ละคนอย่างเท่าเทียม ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม การจัดสรรคลาส และการฝึกสอนส่วนตัวอย่างมีระบบที่ชัดเจน เพื่อให้โค้ชทุกคนมีโอกาสรับรายได้ที่สูงขึ้น

เน้นคุณภาพ ไม่เน้นจำนวน

BASE Bangkok เป็นผู้ให้บริการฟิตเนสออกกำลังกายที่เน้นความเป็นบูทีคพรีเมี่ยมและการให้บริการแบบเฉพาะเจาะจงเช่นการฝึกสอนแบบตัวต่อตัว แจ็ค ทอมัส จึงมองว่าฟิตเนสขนาดใหญ่ที่มีสาขาเยอะๆ ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของ BASE Bangkok เนื่องจากเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน

ฟิตเนสที่มีสาขาเยอะๆ จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดมวลชนด้วยราคาที่ต่ำกว่า และเน้นการออกกำลังกายแบบเปิดให้เล่นด้วยตนเอง ในขณะที่ BASE Bangkok เน้นการฝึกสอนแบบเฉพาะเจาะจงและเฉพาะทาง สิ่งที่ทำให้ BASE Bangkok แตกต่างจากผู้บริการรายอื่น คือการให้บริการระดับพรีเมี่ยมคุณภาพสูง

แต่ยอมรับว่า ในส่วนของการขยายสาขา BASE Bangkok มีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างประเทศในอนาคตเช่นกัน

วิธีรักษาฐานกลุ่มลูกค้าเดิมให้นานที่สุด

รายได้ที่สำคัญของธุรกิจฟิตเนส มาจากค่าสมาชิก BASE Bangkok จึงให้ความสำคัญกับการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับสมาชิกผู้ใช้บริการในทุกๆ ครั้ง เพื่อสร้างความโดดเด่นจากคู่แข่ง โดยพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับสมาชิกทุกราย ทำให้พวกเขารู้สึกได้รับการต้อนรับอย่างดี เช่นการจดจำชื่อของสมาชิก การใส่ใจเรื่องอาการบาดเจ็บ และออกแบบการฝึกซ้อมให้เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อให้พวกเขากลับมาใช้บริการอีกเรื่อยๆ 

นอกจากนี้ เทคโนโลยี BASELINE ก็มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชันที่เพิ่มความสนุกสนานให้กับการออกกำลังกาย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของสมาชิกแต่ละรายอีกด้วย

ยกระดับอุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทย

คอร์ส BASE Pro เป็นหนึ่งในการรับรองมาตรฐานระดับโลก มีผู้ฝึกสอนระดับมาสเตอร์ ทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่น Rob Cook เป็นมาสเตอร์เทรนเนอร์ และผู้ให้ความรู้ที่ได้รับการรับรองจาก NASM ระดับนานาชาติประจำภูมิภาคเอเชีย และ คุณพิชญุตม์ ทองกำเหนิด หรือคุณน้ำมนต์ มาสเตอร์เทรนเนอร์ที่ได้รับการรับรองจาก NASM ประจำประเทศไทยมาเป็นผู้ฝึกสอน

การนำหลักสูตรที่ได้มาตรฐานการศึกษาระดับสากล ซึ่งสอนโดยผู้ฝึกระดับแนวหน้ามายังประเทศไทย ทาง BASE Bangkok หวังว่าจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทย และทำให้หลักสูตรนี้เข้าถึงคนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยพัฒนาทักษะของผู้ฝึกสอนในประเทศไทย และยกระดับอุตสาหกรรมฟิตเนสโดยรวมได้ยิ่งขึ้น

วงการธุรกิจฟิตเนสในไทยโดยภาพรวม

แจ็ค ทอมัส ยอมรับว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทยใช้เวลาฟื้นตัวหลังจากโควิด-19 ค่อนข้างช้า โดยเพิ่งจะเริ่มเห็นตัวเลขใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิดเมื่อช่วงไม่นานมานี้

ในด้านการแข่งขัน แจ็ค ทอมัส มองว่ายังไม่ค่อยมีการเปิดฟิตเนสใหม่ๆ ที่เน้นความพรีเมียมมากนัก ดังนั้นการแข่งขันจึงยังค่อนข้างจำกัด ส่วนใหญ่การขยายสาขาฟิตเนสจะเป็นธุรกิจที่เน้นตลาด Mass เช่น Jetts ที่กำลังขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับอุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทย หากธุรกิจเหล่านั้นมุ่งเน้นการให้บริการด้านฟิตเนสที่มีคุณภาพแก่ประชาชน

ทิศทางในการบริหารธุรกิจของ BASE Bangkok ในอนาคต

แม้ว่าอุตสาหกรรมฟิตเนสในประเทศไทยจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆ แต่ BASE Bangkok ยังมองว่ายังคงมีโอกาส และศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปในระยะเวลา 5-10 ปีข้างหน้าแน่นอน โดย BASE Bangkok ต้องการเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับสาขาปัจจุบันที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ และคาดว่าจะขยายเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก