SHARE

คัดลอกแล้ว

ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันเพียงไม่กี่สิบคน เมื่อครั้งที่พยาบาลวัย 30 ปีเศษรายหนึ่งซึ่งมีอาการเจ็บคอเล็กน้อย เดินทางด้วยรถโดยสารไปยังนครโอซากา เพื่อร่วมชมการแสดงดนตรีในคลับแห่งหนึ่งในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ต่อมา ผลตรวจพบว่าเธอติดเชื้อไวรัส ทำให้เจ้าหน้าต้องเร่งแจ้งเตือนผู้ที่ร่วมชมการแสดง หลังจากนั้นไม่นาน มีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจากงานแสดงดนตรีอีก 3 งาน เจ้าหน้าที่เร่งตรวจร่างกายผู้ร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมแล้วมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 106 คน โดย 9 คนยังคงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล

แต่ในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากพยาบาลตรวจพบเชื้อไวรัส ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากา ประกาศว่าการระบาดสิ้นสุดลงแล้ว

นับตั้งแต่มีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในญี่ปุ่นในช่วงกลางเดือนมกราคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่าพวกเขาได้ดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส

ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นได้สร้างความงุนงงให้แก่นักระบาดวิทยา เพราะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในอิตาลีหรือสหรัฐฯ ได้ โดยไม่มีการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดด้านการเดินทางของประชาชน การปิดเมืองที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่การตรวจหาเชื้อแบบปูพรม

อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนเรียบร้อยดี เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณบางอย่าง โดยเมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า เขาได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ทราบว่า มีหลักฐานที่ชี้ว่าตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญความเสี่ยงที่การระบาดจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง

เมื่อวันพุธ หรือหนึ่งวันหลังรัฐบาลญี่ปุ่นและคณะกรรมการโอลิมปิกสากลเห็นชอบให้เลื่อนการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ออกไปอีกหนึ่งปี นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ได้กล่าวเตือนว่า ช่วงสามสัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า กรุงโตเกียวจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแบบพุ่งทะยานหรือไม่ มีความเป็นไปได้ว่าอาจต้องดำเนินมาตรการรุนแรงเช่นการปิดเมือง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียวพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 4 วันที่ผ่านมา โดยเมื่อวันพฤหัสบดี เพิ่มขึ้นถึง 47 ราย หลังจากมีผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ขณะที่การตรวจคัดกรองเชื้อที่มีอยู่อย่างจำกัดสร้างความกังวลว่า อาจยังคมีผู้ติดเชื้ออีกหลายรายที่ยังตรวจไม่พบ

นางโคอิเกะร้องขอให้ชาวกรุงโตเกียวทำงานจากบ้าน หลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน และอยู่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการของจังหวัดในเขตปริมณฑล ยังร้องขอให้ประชาชนไม่ออกไปนอกบ้านในช่วงสุดสัปดาห์ หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

 

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าประชาชนจะไม่สนใจคำเตือนดังกล่าวมากนัก แม้จะมีคำสั่งปิดโรงเรียนมานานกว่าหนึ่งเดือน และรัฐบาลได้ร้องขอให้มีการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดกิจกรรมกีฬาและวัฒนธรรม แต่ประชาชนกลับเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติแล้ว บริการรถไฟใต้ดินเริ่มมีผู้โดยสารหนาตา ประชาชนออกมาชมดอกซากุระที่กำลังบานสะพรั่งตามสวนสาธารณะต่างๆ หลายคนออกมาช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร เนื่องจากเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตไม่ได้สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

และแม้แต่ผับในนครโอซากา ที่พบผู้ติดเชื้อหลายรายเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็พบว่ามีวัยรุ่นหญิงกว่า 40 คน เข้าร่วมในการแสดงดนตรีของวงบอยแบนด์เมื่อวันพุธ ซึ่งกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

แม้พื้นที่อื่นๆ ของโลกจะยังคงเผชิญการระบาดที่รุนแรง โรงพยาบาลไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ และผู้เสียชีวิตที่ยังคงพุ่งสูง แต่ในญี่ปุ่น ซึ่งมีประชากรราว 127 ล้านคน กลับมีรายงานผู้ติดเชื้อ 1,387 ราย และเสียชีวิต 47 คน ซึ่งนับว่าเป็นอัตราที่ค่นข้างต่ำ เมื่อพิจารณาว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยสูงที่สุดในโลก

ดร. ปีเตอร์ ราบิโนวิตซ์ ผู้อำนวยการร่วมศูนย์เพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับการแพร่ระบาดของโรคและความมั่นคงด้านสุขภาพโลก มหาวิทยาลัยวอชิงตันของสหรัฐฯ กล่าวว่า “มันอาจเป็นเพราะญี่ปุ่นดำเนินมาตรการที่ถูกต้อง หรืออาจไม่ถูกต้องก็ได้ และเรายังคงไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้”

ในขณะที่ญี่ปุ่นดูเหมือนจะผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการติดเชื้อลง ญี่ปุ่นดำเนินมาตรการที่แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่นการไม่ประกาศปิดเมืองเช่นเดียวกับที่จีน ญี่ปุ่นไม่มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับสิงคโปร์ หรือไม่มีการดำเนินการตรวจหาเชื้อแบบปูพรม ที่ทำให้เกาหลีใต้สามารถแยกผู้ติดเชื้อเพื่อไปทำการรักษา ก่อนที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

ส่วนในเกาหลีใต้ ซึ่งมีประชากรไม่ถึงครึ่งหนึ่งของญี่ปุ่น ได้ทำการตรวจคัดกรองเชื้อให้ประชาชนกว่า 365,000 คน ขณะที่ญี่ปุ่นมีเพียง 25,000 คน โดยในปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีความสามารถในการตรวจคัดกรองเชื้อได้ราว 7,500 รายต่อวัน แต่ค่าเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ราว 1,200 ถึง 1,300 ราย

ดร.โทโมยะ ไซโตะ ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการวิกฤตด้านสุขภาพ สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวว่า การจำกัดการตรวจตัดกรองเป็นมาตรการที่กระทำโดยตั้งใจ โดยผู้ที่ต้องตรวจคัดกรองจะต้องผ่านความเห็นของแพทย์มาแล้ว หลังจากผู้ป่วยมีไข้หรืออาการอื่นๆ 2-4 วัน นโยบายในปัจจุบันของญี่ปุ่นคือผู้ที่จะรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ จะต้องมีผลการตรวจเป็นบวกเท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง

ดร.ไซโตะ ระบุว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีภูมิต้านทานต่อเชื้อโรค อาจเกิดจากพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นเรื่องปกติ เช่นการล้างมือ และการทำความเคารพด้วยการโค้งคำนับ คนญี่ปุ่นมักสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องขึ้นรถไฟและในสถานที่สาธารณะ ซึ่งก็คือ social distancing ชนิดหนึ่ง

แต่นายเจฟฟรีย์ ชาแมน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐฯ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายของญี่ปุ่นถือว่ามีความเสี่ยง เพราะสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร อาจกำลังรอการปะทุ และเราจะไม่สังเกตเห็นจนกระทั่งทุกอย่างสายเกินไป

ในนครโอซากา รายงานสำหรับกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า ภายในต้นเดือนเมษายน ที่นี่อาจมีผู้ติดเชื้อเกือบ 3,400 คน และ 227 คนอาการรุนแรง มีความเป็นไปได้ว่า การจัดหาการรักษาทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยอาการหนักอาจยากขึ้น

ด้านนายฮิโรฟุมิ โยชิมุระ ผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากา กล่าวว่า เขากำลังเร่งขอเตียงในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 600 เตียง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงที่สุด

ดร. มาซายะ ยามาโตะ หัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ ศูนย์การแพทย์ริงกุ ในนครโอซากา กล่าวว่า ทางการกำลังเดินหน้ารูปแบบการรักษาที่ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ เพื่อเก็บเตียงไว้สำหรับผู้ป่วยหนัก ส่วนในกรุงโตเกียว มีเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักเพียง 100 เตียง และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางการประกาศเพิ่มเป็น 600 เตียง

ดร.ยามาโตะมองว่า คำประกาศของผู้ว่าฯ กรุงโตเกียวยังอาจไม่เพียงพอ และนายอาเบะควรตัดสินใจประกาศปิดเมือง โดยไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น กรุงโตเกียวควรถูกล็อคดาวน์อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ระบบทางการแพทย์ของโตเกียวก็อาจพังทลายลงได้

นอกจากนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นยังจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ที่รวมถึงการประสานงานกับรัฐบาลท้องถิ่น หน่วยงานด้านสาธารณสุขทุกระดับ และภาคประชาชน เพื่อพิจารณาว่าเขาควรประกาศภาะฉุกเฉินหรือไม่

 

 

จนถึงขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ แม้จะมีรายงานว่าประชาชนแห่ไปกักตุนสินค้าจนทำให้ร้านค้าบางแห่งในกรุงโตเกียวไม่มีสินค้าจำหน่ายเมื่อวันพุธ หลังการประกาศของผู้ว่าฯ กรุงโตเกียว

ในกรุงโตเกียวประชาชนยังคงออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งการกินดื่ม ซื้อของ หรือชมดอกซากุระ ประชาชนที่ต่อคิวซื้อของคนหนึ่งบอกว่า เขาห่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ไม่ค่อยกังวลกับญี่ปุ่นมากนัก “มันอาจจะน่ากลัว แต่ในญี่ปุ่นตอนนี้ไม่ค่อยเกิดความรู้สึกแบบนั้นมากนัก”

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า