Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หากพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า เจ้าตลาดตอนนี้ก็ต้องยกให้จีน และสหรัฐอเมริกา รวมถึงฝั่งยุโรปที่เร่งเครื่องตามมาติดๆ

แล้วญี่ปุ่นล่ะ หายไปไหน? ประเทศที่ขึ้นชื่อว่า เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก โดยเฉพาะรถยนต์สันดาป ซึ่งมีค่ายรถยนต์แบรนด์ดังมากมาย

ทำไมญี่ปุ่นถึงขยับตัวช้าในวงการรถยนต์ไฟฟ้า จะสู้กับค่ายรถยนต์ประเทศอื่นได้มากน้อยแค่ไหน และในอนาคตจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้หรือไม่

TODAY Bizview สรุปให้อ่าน ในบทความนี้

___________________________________________________

ญี่ปุ่นครองตลาด ‘รถยนต์น้ำมัน’ แต่ไม่ใช่เบอร์หนึ่ง ‘รถยนต์ไฟฟ้า’

พูดถึงรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่น หลายคนก็จะนึกถึงรถยนต์สันดาปภายในหรือรถยนต์น้ำมัน รวมถึงพวกรถยนต์ไฮบริด ซึ่งก็เป็นโปรดักส์ที่ขึ้นชื่อของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ยกตัวอย่างค่ายดัง เช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน ซูซูกิ มาสด้า ฯลฯ มีเยอะมากๆ

ค่ายรถเหล่านี้ขยายโรงงานไปตั้งในต่างประเทศ สามารถส่งออกรถยนต์ไปได้ทั่วโลก ที่ผ่านมาคือรถยนต์ญี่ปุ่นขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง เพราะสินค้ามีคุณภาพ ดีไซน์สวย ราคาไม่แพง เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้งาน

อุตสาหกรรมรถยนต์ในญี่ปุ่นถือเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศ ด้วยมูลค่ามหาศาล เป็นแหล่งงานให้กับคนญี่ปุ่นหลายล้านชีวิต

แต่เมื่อเทรนด์โลกสมัยใหม่เปลี่ยนแปลงไป รถยนต์สันดาปเริ่มโตช้าลง จากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า ผู้คนให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด กลายเป็นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็วในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน อเมริกา และยุโรป มีค่ายรถยนต์เกิดใหม่มากมาย

รวมถึงค่ายรถยนต์เดิม หลายบริษัททั้งทางฝั่งอเมริกาและยุโรป ก็ล้วนปรับตัว หันไปผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าว่า จะเลิกผลิตรถยนต์สันดาปหรือรถยนต์น้ำมันให้ได้ 100% ในอนาคตอันใกล้นี้

ยกตัวอย่างในประเทศจีน รัฐบาลจีนมีสนับสนุนนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ตลาดรถยนต์จีนเติบโตเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในช่วงปลายปีที่แล้ว จีนมีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 200 ราย ในจำนวนนี้มีบริษัทเกิดใหม่มากถึง 150 ราย ภายใน 3 ปีที่ผ่านมา

ปี 2021 จีนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 3.2 ล้านคัน (รองลงมาคือยุโรป 2.3 ล้านคัน) หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก จากการใช้งานของคนภายในประเทศจีนเอง ซึ่งมีประชากรเยอะ ถือว่าได้เปรียบอย่างมาก ส่วนราคารถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังถูกด้วย เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ จีนยังส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปบุกตลาดยุโรป อเมริกา หรืออย่างไทยเอง ก็รุกหนักมากเช่นกัน

แต่พอตัดภาพมาดูทางฝั่งญี่ปุ่น ในปี 2021 ญี่ปุ่นมียอดขายรถยนต์ BEV เพียง 20,000 คันเท่านั้น น้อยมากเมื่อเทียบกับจีนและยุโรป การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของญี่ปุ่นไม่ได้โดดเด่นมากนัก ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งที่ประเทศอื่นเค้าเริ่มกันมานานหลายปีแล้ว

ทำไมญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นว่าครองแชมป์อุตสาหกรรมยานยนต์เบอร์หนึ่งของโลก ถึงเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าช้ากว่าเพื่อน แม้ตอนนี้จะเริ่มแล้วก็จริง แต่ก็ยังต้องเร่งเครื่องอีกเยอะ ที่ผ่านมาทำอะไรอยู่ และมีเหตุผลอะไรอยู่เบื้องหลังกันแน่

___________________________________________________

คนญี่ปุ่นใช้รถยนต์ไฟฟ้าน้อยมาก

รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามผลักดันนโยบายรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งให้เงินสนับสนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถึงหลักแสนบาท มีการลดภาษี และวางแผนสร้างสถานีชาร์จรองรับเป็นจำนวนมาก แต่ก็ดูเหมือนว่า คนญี่ปุ่นยังใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่มากนัก ผลการสำรวจจากบริษัท Park24 ได้ทำการสำรวจผู้ใช้ที่จอดรถรายชั่วโมงของกลุ่มบริษัท และบริการรถเช่าในเมืองโตเกียว

พบว่าผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ ใช้รถยนต์น้ำมันมากถึง 72% รองลงมารถยนต์แบบไฮบริด 17% ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า มีสัดส่วนเพียง 1% สอดคล้องไปกับยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น อยู่ที่ประมาณ 1% เช่นกัน

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมคนญี่ปุ่นยังใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่เยอะ ก็มีหลายสาเหตุ อย่างแรกเลยก็เพราะรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น ราคาสูง เมื่อสอบถามคนที่กำลังรอการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น พบว่า 28% ต้องการรถที่มีราคาต่ำกว่า 2 ล้านเยน และเมื่อรวมกับกลุ่มที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำกว่า 1 – 1.5 ล้านเยน พบว่ามีสัดส่วนกว่า 60%

รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นมีราคาประมาณ 4 ล้านเยน แม้ว่าจะได้รับเงินอุดหนุนเต็มจำนวนจากรัฐบาลแล้ว แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้าก็ยังสูงอยู่ดี ส่วนรุ่นที่ราคาต่ำลงมาก็มีให้เลือกไม่เยอะ จึงทำให้สัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่นยังต่ำ

ปัจจัยต่อมาคือ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จสาธารณะ ยังมีจำนวนน้อย เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ทำให้ไม่สามารถติดตั้งแท่นชาร์จในพื้นที่ส่วนตัวได้

ส่วนสถานีชาร์จสาธารณะในญี่ปุ่นยังมีจำนวนไม่มากพอ โดยสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 2.3 จุดต่อประชากร 10,000 คน หากเทียบกับในต่างประเทศยังถือว่าน้อยกว่ามาก เช่น ในผรั่งเศส สัดส่วนแท่นชาร์จต่อประชากร อยู่ที่ 6.9 ต่อ 10,000 คน มากกว่าญี่ปุ่นถึง 3 เท่า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนญี่ปุ่นยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะต้องการรอให้รัฐบาลสร้างสถานีชาร์จเพิ่มให้มากกว่านี้

และเหตุผลสำคัญอีกข้อ…ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยังมีส่วนร่วมในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่มากพอ

ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2030 เน้นการลงทุนในกลุ่มพลังงานสีเขียว อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นตัวหลักสำคัญที่รัฐบาลต้องการให้เปลี่ยนผ่านมาสู่รถยนต์ไฟฟ้า

แต่ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นผลักดันนโยบายนี้ฝ่ายเดียว มันอาจจะไม่ได้ผลมากเท่าไหร่ เพราะผู้ที่บทบาทมากในอุตสาหกรรมนี้ ก็คือภาคเอกชน พวกค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ จึงไม่แปลกที่การตัดสินใจหรือนโยบายต่างๆ ของบริษัท มักส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

บริษัทรถยนต์ในญี่ปุ่นเชื่อมั่นในรถยนต์น้ำมันและรถยนต์ไฮบริดอย่างมาก อีกทั้งยังมองว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้เวลา เนื่องจากมีเครื่องจักร เทคโนโลยีและกลุ่ม Supplier ต่างๆ เป็นสายพานจำนวนมาก หากเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป จะส่งผลกระทบหนักหลายด้าน

ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญก่อนหน้านี้ ในปี 2020 อากิโอะ โตโยดะ ประธานโตโยต้า มอเตอร์ เคยออกมาบอกว่าการที่สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเร็วเกินไปนั้น อาจไม่เป็นผลดี มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าสร้างมลพิษเหมือนกัน และอาจนำไปสู่การล่มสลายของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้

แถมยังบอกอีกว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะตั้งเป้าให้ประเทศเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาป ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจและส่งออกที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น อาจจะทำให้คนต้องตกงานถึง 5.5 ล้านคน และกำลังการผลิตก็จะลดลง

พร้อมเสนอทางออกว่า รัฐบาลควรสนับสนุนทางเลือกอื่นๆ ด้วย เช่น รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน

___________________________________________________

มาช้าแต่มาชัวร์ ญี่ปุ่นพร้อมลงสนาม รถยนต์ไฟฟ้า

แม้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น ในช่วงแรกๆ จะยังไม่ลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่ถึงตอนนี้ หลายค่ายใหญ่กลับตอบรับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น แม้จะเริ่มช้าหน่อยแต่ก็เริ่มแล้ว

อย่างโตโยต้า จากที่เคยบอกว่าไม่เห็นด้วย แต่เมื่อปลายปีที่แล้วได้จัดแถลงข่าวใหญ่ พร้อมบุกวงการ EV Car บอกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 30 รุ่น ภายในปี 2030 พร้อมทั้งทุ่มเกือบ 6 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า ทำเอาหลายคนงงไปตามๆ กัน ว่าทำไมเกิดเปลี่ยนใจเร็วเหลือเกิน

ต่อมาช่วงต้นปี 2021 ได้ประกาศเปิดตัวและเตรียมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกอย่าง bZ4X  พร้อมขายจริงภายในปีนี้ด้วย

ที่จริงแล้ว โตโยต้าไม่ได้ต่อต้านแนวคิดเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า แต่แค่มองว่าการตั้งเป้าให้เลิกผลิตรถยนต์น้ำมันในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ มันยังเร็วเกินไป ควรค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปตามความพร้อมของผู้ผลิตและประชาชน

หรือทางฝั่งของฮอนด้า ก็เดินหน้าแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ประกาศลดกำลังการผลิตรถใช้น้ำมันในประเทศเหลือ 800,000 คัน/ปี หรือลดลงราว 40% จากยอดผลิตสูงสุดในปี 2002 พร้อมทั้งจัด ‘พิธีอำลาสายการผลิต’ ขึ้นที่โรงงานแม่ในซายามะในเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เพื่อเป็นการสิ้นสุดการผลิตรถยนต์น้ำมันที่โรงงานแห่งนี้ พร้อมตั้งเป้ายุติการผลิตรถยนต์น้ำมัน ภายในปี 2040

ส่วนทางนิสสันและมิตซูบิชิ ก็ลุยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เพิ่มเช่นกัน จากที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็เป็นบริษัทญี่ปุ่นแรกๆ ที่จริงจังกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย แต่ไปเน้นที่ตลาดอเมริกาและยุโรปแทน

ยกตัวอย่างรุ่น Nissan LEAF เน้นการทำตลาดต่างประเทศมากกว่าในญี่ปุ่น เพราะได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่า ต่อจากนี้นิสสัน ได้วางแผนผลิตรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้  50% ของรถยนต์ที่ผลิตทั้งหมด ภายในปี 2030

ส่วนทางฝั่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นด้วย ผ่านนโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ให้เงินสนับสนุนแพ็กเกจเมื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า บวกกับมาตรการลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งวางแผนสร้างสถานีชาร์จให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีประมาณ 35,000 แห่ง จะขยายเป็น 150,000 สถานี ภายในปี 2030 ซึ่งจำนวนจะใกล้เคียงกับจำนวนปั๊มน้ำมันเลยทีเดียว

นอกจากนี้รัฐจะผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยเสนอเงินทุนและมาตรการจูงใจด้านภาษี ตั้งไว้ 90 ล้านล้านเยนต่อปี และจะลดราคาแบตเตอรี่รถยนต์ให้ถูกลง ภายในปี 2030 ด้วย

___________________________________________________

ศึกรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้ ญี่ปุ่นอาจเริ่มช้าหน่อย แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณว่าพร้อมลงสนามแล้ว เห็นได้จากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นใหญ่ๆ หลายแห่ง พากันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างคึกคัก

รถยนต์ไฟฟ้าคือเทคโนโลยีใหม่ที่แทบไม่ใช้เครื่องยนต์หรืออะไหล่มากมาย รถยนต์ไฟฟ้าคือเทคโนโลยีที่แทบไม่ใช้เครื่องยนต์หรืออะไหล่มากมาย แน่นอนว่ามันไม่ใช่รถยนต์สันดาปที่ญี่ปุ่นเคยเป็นเจ้าตลาด การจะก้าวขึ้นมาเป็นแนวหน้าของวงการรถยนต์ไฟฟ้า จึงเป็นความท้าทาย เพราะต้องสู้กับบริษัทใหญ่อย่าง Tesla หรืออีกหลายๆ บริษัทในจีน ซึ่งเป็นครองตลาดนี้มาอย่างยาวนาน

เพราะอย่างจีนมีความได้เปรียบมาก ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่และมอเตอร์รถยนต์ รวมถึงเงินเดือนจ้างบุคลากรในจีน ราคาค่อนข้างถูก เห็นได้ว่าหลายบริษัทรถยนต์ทางฝั่งยุโรปและอเมริกา ได้ขยับขยายมาตั้งโรงงานในประเทศจีน เพราะอยากลดต้นทุน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่า ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมีศักยภาพสูงด้านเทคโนโลยี และมีความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว เนื่องจากไลน์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ซับซ้อนมาก

แต่โจทย์สำคัญคือจะพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพและราคาถูก เพื่อที่จะแข่งขันสู้กับเจ้าอื่นๆ ได้อย่างไร…นี่คือสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป

 

ที่มาข้อมูล :

https://www.forbesindia.com/article/lifes/why-japans-drivers-are-struggling-to-embrace-electric-cars-despite-their-love-of-hybrids/72327/1

https://www.nippon.com/en/japan-data/h01037/

https://www.facebook.com/todaybizview/photos/a.111593034412889/243370707901787/

https://www.facebook.com/todaybizview/photos/a.111593034412889/277439491161575

https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/759213/759213.pdf&title=759213&cate=413&d=0

https://www.mreport.co.th/news/statistic-and-ranking/

https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/ev-car-trend-and-case-study-from-Japan

https://mgronline.com/motoring/detail/9650000019716

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า