สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ทางรัฐสภาญี่ปุ่นได้อนุมัติงบประมาณ 31.9 ล้านล้านเยน (9.2 ล้านล้านบาท) เพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจหลังโดนเล่นงานอย่างหนักจากไวรัสโควิด-19
เมื่อเดือนก่อนทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศว่าจะใช้เงินเยียวยาจำนวน 117 ล้านล้านเยน (33.85 ล้านล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดย 1 ใน 3 ของงบที่ได้รับอนุมัติเพิ่มมานี้จะถูกนำไปช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทที่กำลังประสบปัญหาโดยเน้นไปที่กิจการขนาดเล็ก ส่วนอีก 2 ล้านล้านเยนถูกจัดสรรไว้ช่วยจ่ายค่าเช่าให้บริษัท และจะนำอีกหลายล้านล้านเยนไปเสริมกำลังให้ระบบสาธารณสุข
เพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับอนาคต เงินจำนวน 10 ล้านล้านเยนจะถูกสำรองไว้ในกรณีที่เกิดการระบาดระลอกสองขึ้น
จำนวนเงินเยียวยาที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมไว้นี้ถือเป็น 21.1% ของ GDP ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในโลก ส่วนอันดับ 2 อย่างสหรัฐอเมริกาใช้เงินเยียวยาเท่ากับ 11% ของ GDP
เมื่อนำไปรวมกับเงินเยียวยาทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศเมื่อธันวาคม 2019 ซึ่งออกมาหลังจาก GDP ในไตรมาส 4 ที่ติดลบถึง -7.2% ทำให้อัตราส่วนที่ญี่ปุ่นใช้เยียวยารวมแล้วเท่ากับ 40% ของ GDP
หรือถ้าอธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือ ถ้าปีก่อนญี่ปุ่นใช้จ่ายในประเทศทั้งปี 100 บาท ปีนี้ญี่ปุ่นต้องใส่เงินเข้าเพิ่มถึง 40 บาท เพื่อพยายามพยุงยอดการใช้จ่ายรวมไม่ให้ลดมากเกินไป และหวังว่าเงินที่เพิ่มเข้าไปจะกระจายไปยังแต่ละส่วนให้ได้มากที่สุด
แม้จะมีความกังวลถึงการใช้เงินจำนวนดังกล่าวซึ่งจะเพิ่มยอดหนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่นให้สูงขึ้นไปอีก แต่ทางคณะรัฐมนตรีก็ยังเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพยุงทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนให้รอดก่อน เพราะการฟื้นฟูสถานะทางการเงินจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่สามารถพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ได้
มีการคาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 2 นี้ญี่ปุ่นจะมี GPD ติดลบถึง -22.4% ก่อนที่จะกลับมาบวก 8.6% และ 5.7% ในไตรมาสที่เหลือของปี