วันที่ 1 เม.ย.63 สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมือง เยนา (Jena) ที่ตั้งอยู่ในรัฐทูริงเกีย (Thuringia) ประเทศเยอรมนี เป็นเมืองแรกของประเทศที่กำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ เช่น ร้านค้า ระบบขนส่งสาธารณะ และอาคารที่เปิดให้สาธารณชนเข้าถึง ขณะเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยจะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า
โดยทางการเมืองเยนา ตัดสินใจ “ยกระดับมาตรการปกป้องประชาชน” โดยสถิติเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) เยนาพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวม 119 ราย นอกจากนี้ทางการเมืองเยนายังยืนยันว่ามีหน้ากากอนามัยเพียงพอสำหรับพยาบาล แพทย์ พนักงานระบบขนส่งสาธารณะ และพนักงานที่ปฏิบัติงานในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนเย็บหน้ากากอนามัยใช้เอง ทั้งนี้ทางการเมืองเยนาระบุว่าประชาชนสามารถใช้ผ้าพันคอหรือผ้าคลุมไหล่แทนหน้ากากอนามัยได้แต่ ต้องปิดจมูกและปาก และการสวมหน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะแบบใดก็ตาม ย่อมดีกว่าไม่สวมหน้ากากเลย
ด้านรัฐบาวาเรียประกาศขยายระยะเวลาของมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ไปจนถึงวันที่ 19 เม.ย. แต่มาร์คุส เซอเดอร์ (Markus Soeder) มุขมนตรีแห่งรัฐเผยว่าไม่มีการ “ยกระดับ” มาตรการ โดยเซอเดอร์ให้สัมภาษณ์กับเออาร์ดี (ARD) สื่อท้องถิ่นเยอรมันว่ารัฐบาวาเรีย ไม่มีแผนบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากต้องดำเนินการจัดซื้อให้เสร็จสิ้นก่อน