โจชัว หว่อง ส่งอีเมลล์ถึงบริษัทขายแก๊สน้ำตาของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ยกเลิกการขายแก๊สน้ำตาให้กับรัฐบาลไทย หลังเหตุชุลมุนแยกเกียกกาย พร้อมขอให้เปิดเผยข้อมูลของอาวุธที่ใช้ในการปราบปรามในครั้งนี้
วันที่ 20 พ.ย.2563 นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยชาวฮ่องกง วัย 24 ปี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว (黃之鋒 Joshua Wong) ว่าได้เขียนอีเมลล์ถึง นายสกอตต์ โอเบอร์ดิก ประธานบริษัท NonLethal Technologies, Inc. บริษัทผู้ผลิตแก๊สน้ำตา ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้หยุดการขายแก๊สน้ำตาให้กับประเทศไทย และวิงวอนให้มองความสำคัญในประเด็นสิทธิมนุษยชนเหนือการหารายได้และกำไร โดยระบุว่า
จากสถานการณ์การปราบปรามผู้ชุมนุม ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันติในประเทศไทย ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ในนามของชาวไทยและชาวฮ่องกง เพื่อเรียกร้องให้บริษัทของคุณ ยุติการขายแก๊สน้ำตา ซึ่งถูกใช้พุ่งเป้าไปที่นักเรียนมัธยม อย่างขาดการพิจารณา
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่เดือน นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 กลุ่มผู้ชุมนุมชาวไทยได้ต่อสู้เพื่อข้อเรียกร้องสามประการ รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านการชุมนุม และการเดินขบวนอย่างสันติมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายทหาร กลับใช้กองกำลังตำรวจ และกลุ่มที่สนับสนุนสถาบันฯ ออกมาตอบโต้กลุ่มผู้ชุมนุม
เมื่อ 17 พฤศจิกายน ตำรวจได้เข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม ยิงปืนใหญ่น้ำ และแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมระหว่างที่พวกเขากำลังเดินขบวนบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา จากข้อมูลของศูนย์เอราวัณ มีประชาชนอย่างน้อย 55 ราย ได้รับบาดเจ็บ ในจำนวนนี้ราว 32 ราย บาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา โดยมีรายงาน 6 ราย ถูกยิง แม้แต่นักเรียนประถมศึกษา ก็ถูกลูกหลงจากการใช้แก๊สน้ำตาอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
องค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งในประเทศไทย ได้ประณามการกระทำที่โหดร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการใช้แก๊สน้ำตา ที่ขัดกับหลักสากลเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยใช้น้ำ ผสมกับแก๊สน้ำตา และมีสารเคมีทำให้ประชาชนบาดเจ็บ กระป๋องแก๊สน้ำตา ที่พบในที่เกิดเหตุ แสดงให้เห็นว่า บริษัทของคุณเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนแก๊สน้ำตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ดังนั้น ผู้ชุมนุมชาวไทย และผม จึงขอเรียกร้องให้บริษัทของคุณ ยุติการขายแก๊สน้ำตา และ อาวุธปราบจราจลอื่นๆ ให้กับตำรวจไทย พร้อมกันนี้ยังขอเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับอาวุธปราจราจลที่ตำรวจไทยใช้ในการปราบปรามครั้งนี้
ก่อนทิ้งท้ายว่า หวังจะได้รับคำตอบกลับ และหวังว่าบริษัทของคุณจะคำนึงถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนเหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ โจชัว หว่อง
ที่มา : Joshua Wong