จากกรณีเหตุผู้พิพากษายิงตัวเอง ที่ศาลจังหวัดยะลา หลังจากอ่านคำพิพากษาและยกฟ้องจำเลย 5 คน ในความผิดต่อชีวิต อั้งยี่ ซ่องโจร ความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. โดยระบุถึงความคับข้องใจไว้ในคำแถลงการณ์ส่วนตัว
วันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊กของ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักคดีอาญาธนบุรี ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า “อย่ารีบวิจารณ์สิ่งที่เห็น เพราะอาจเป็นภาพลวงตา หลายครั้งที่โอละพ่อ” และอธิบายเพิ่มเติมว่า
อยากให้นักกฎหมายทั้งหลายอ่านคำพิพากษาทัังหมด อย่าอ่านเพียงหน้าสองหน้า “คำพิพากษา” ที่ลงกันนั้น กล่าวถึง “อธิบดี” และท่านแทนตัวเองว่า “ผม” และช่วยพิจารณาว่า สิ่งที่ท่านเขียนนั้นเป็น “คำพิพากษา” ตามประมวลฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186,183 หรือไม่ องค์คณะครบตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 26 หรือไม่
การวิจารณ์หรือการแชร์และให้ความเห็นดังกล่าวทั้งหลาย ควรให้ผู้ที่ปรากฎในคำพิพากษาได้มีโอกาสชี้แจงก่อน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อองค์กรตุลาการและความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้ง่าย เรามาช่วยกันรักษากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบดีกว่า
จากนั้น นายปรเมศวร์ ยังได้ตอบผู้ที่แสดงความเห็นว่า ขอร้องให้ควรฟังความให้รอบด้านก่อน เพราะทุกวันก็แย่พอสมควร มีทั้งใครก็ไม่รู้ออกมาสอนการสอบสวน สอนให้ทำสำนวนอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ไม่จบกฎหมาย ถ้าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทำตาม การสอบสวนก็แย่ หลายคดีที่อัยการพื้นที่สั่งไม่ฟ้อง ต่อมาอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ถ้าเป็นอย่างนี้อัยการก็แย่ แล้วมาเกิดเรื่องแบบนี้ กระบวนการยุติธรรมจะเสียหายมากขึ้น
นอกจากนั้นยังตอบความเห็นถึงผู้ที่แสดงความเห็นใจต่อเหตุที่เกิดขึ้นว่า “กว่าจะสร้างผู้พิพากษาคุณภาพ รัฐใช้งบประมาณไม่น้อย ท่านน่าจะมีวิธีอื่นที่จะเสนอความเห็นของท่านครับ”
“ผมเชื่อว่าคงอึดอัดกับการปฏิบัติหน้าที่แน่ๆ แต่ไม่น่าจะเกี่ยวกับค่าตอบแทนเพราะงานยุติธรรมเงินเดือนสูงกว่าข้าราชการอื่น”
ทั้งนี้ในตอนหนึ่ง นายปรเมศวร์ ตอบผู้ที่มาแสดงความเห็นว่า เหมือนอาจารย์ไม่ได้อ่านเอกสาร 25 หน้าว่า อ่านหมดแล้ว จึงได้ตั้งข้อสังเกต เรื่องปกติมันมีระบบทำความเห็นแย้ง ถ้าผู้บังคับบัญชาไม่เห็นด้วยก็มีอำนาจทำความเห็นแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา183 ส่วนที่ผู้แสดงความเห็นถามต่อเรื่องเอกสารลับ นายปรเมศวร์ ตอบว่า “อยากฟังจากท่านอธิบดีมากเลยครับ”
ส่วนที่มีผู้ถามว่าในกรณีของอัยการมีการแทรกแซงหรือไม่ นายปรเมศวร์ ตอบว่า ตนรับราชการอัยการมาตั้งแต่ 1 ก.ค. 2526 ไม่เคยมีผู้ใหญ่หรือใครแม้แต่กระทั่งอัยการสูงสุดเคยมาสั่งให้ตนสั่งคดีอย่างไร และตั้งแต่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาก็ไม่เคยสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสั่งคดีตามที่ตนต้องการ เพราะมีความเป็นอิสระในการสั่งคดี ถ้าไม่เป็น เราก็สั่งทับความเห็นเขาตามระเบียบ และเราต้องรับผิดชอบในคำสั่งของเรา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2499385170151729&id=100002408102356