ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ ‘น้ำยางข้น’ ตัวชูโรงผลิตภัณฑ์ยางพาราไทย คาดราคาขายปี 63-64 ฟื้นตัวที่ 53-58 บาทต่อกก. ด้วยแรงหนุนจากความต้องการถุงมือยางโดยเฉพาะถุงมือยางทางการแพทย์
วันที่ 15 ธ.ค.2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ราคาน้ำยางสดของไทยจะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ต่อเนื่องถึงในปี 2564 ที่ราว 53-58 บาทต่อกิโลกรัม ด้วยแรงหนุนจากความต้องการถุงมือยางโดยเฉพาะถุงมือยางทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ คาดว่าในระยะสั้นคือ ปี 2563-2564 มูลค่าตลาดถุงมือยางธรรมชาติของโลกจะขยายตัวเฉลี่ยเร่งขึ้นไปอยู่ที่ 16.0% และ 14.9% ตามลำดับ และในระยะถัดไปคือ ในช่วงปี 2563-2570 คาดว่ามูลค่าตลาดถุงมือยางของโลกจะยังขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 12.6% ต่อปี จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของยางพาราไทย โดยมีน้ำยางข้นเป็นตัวชูโรง เนื่องจากน้ำยางข้นเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตถุงมือยาง อีกทั้ง คู่แข่งน้ำยางข้นในตลาดโลกยังมีน้อย ด้วยการผลิตที่คู่แข่งส่วนใหญ่ยังเป็นยางก้อนถ้วยซึ่งมีคุณภาพต่ำไม่สามารถใช้ทดแทนน้ำยางข้นได้ ทำให้การแข่งขันของน้ำยางข้นในตลาดโลกไม่รุนแรงนัก ขณะที่ยางแท่งและยางแผ่นรมควันน่าจะมีบทบาทลดลง ตามเทคโนโลยีการผลิตยางล้อที่ใช้ยางธรรมชาติน้อยลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรที่มีศักยภาพด้านเงินทุนในการลงทุนเครื่องจักร และมีความรู้ในการแปรรูปน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้น และจะดีมากขึ้นหากเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายของสหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน ขณะที่ในฝั่งของโรงงานแปรรูปน้ำยางข้นที่มีศักยภาพก็อาจพิจารณาขยายไลน์การผลิตไปสู่การผลิตถุงมือยางเอง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และภาครัฐควรเร่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตถุงมือยาง อันจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ตรงจุดมากขึ้น และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี