SHARE

คัดลอกแล้ว

จากสถานการณ์ของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาระบุว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวมาก ส่วนในปี 2564 จะมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวแต่ไม่สูงมากนัก ซึ่งในความเป็นจริงยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจอยู่นอกเหนือความคาดหมายที่ทำให้ภาวะตลาดผันผวน จนทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกไม่มั่นใจที่จะลงทุนในช่วงเวลานี้ และกังวลว่าอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวัง

อย่างไรก็ตาม แม้สภาวะตลาดจะดูไม่แน่นอน แต่เรายังมีวิธีการลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ด้วยการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้พอร์ตยังเติบโตได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่ากังวลแบบนี้

ทางเลือกของการจัดสรรเงินเพื่อการลงทุนในปัจจุบันที่น่าจะตอบโจทย์ต่อสถานการณ์ก็คือ การลงทุนใน “กองทุนสายกลาง”

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “กองทุนสายกลาง” แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า กองทุนสายกลางนั้นคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และเหมาะกับใคร ?

กองทุนสายกลาง หรือ กองทุนรวมผสม (Balanced Fund) เป็นกองทุนที่สามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น สินทรัพย์ทางเลือก เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีผู้จัดการกองทุนดูแลสัดส่วนแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะสมในพอร์ตกองทุน รวมถึงคอยปรับสัดส่วนให้ทันกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะสินทรัพย์ต่างๆ มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป เป็นต้นว่า “หุ้น” แม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงสูงเช่นกัน ขณะที่ “ตราสารหนี้” เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น แต่มีความมั่นคง ไม่ผันผวน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เป็นต้น จึงให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่หวือหวาเท่าการลงทุนในหุ้น ส่วนสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ หรือน้ำมัน ก็มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูง เนื่องจากการขึ้นลงของราคามักจะสวนทางตรงกันข้ามกับหุ้นนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า สินทรัพย์แต่ละประเภทต่างก็มีข้อดี แต่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ในขาขึ้นได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงเกิดกองทุนสายกลาง หรือ กองทุนรวมผสม โดยมีข้อดีคือนอกจากกองทุนจะกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงแล้ว ผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนเป็นพอร์ตได้จากการซื้อกองทุนสายกลางเพียงกองทุนเดียว ไม่จำเป็นต้องไปเลือกกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่าง ๆ กันเพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงเอง

กองทุนสายกลาง จึงเหมาะกับทั้งนักลงทุนมือใหม่ที่อยากเริ่มลงทุน แต่ยังไม่อยากเสี่ยงสูงมาก และไม่รู้จังหวะในการเข้าลงทุน และยังเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนมาแล้ว แต่ไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ เพราะเคยลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งมากหรือน้อยเกินไปมาก่อน โดยไม่ได้กระจายความเสี่ยง หรือไม่มีเวลาปรับพอร์ตด้วยตนเอง ทำให้อาจพลาดผลตอบแทน หรือขาดทุน โดยไม่รู้ตัว

กองทุนสายกลาง ในปัจจุบันมีให้เราเลือกกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะที่ KAsset แนะนำว่าน่าจับตามองเป็น พิเศษ เพราะกำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ก็คือ K-GINCOME-A(R) และ K-FIT

ถามว่ากองทุนสายกลาง K-GINCOME-A(R) กับ K-FIT มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ลองไปดูที่ K-GINCOME-A(R) กันก่อน กองทุน K-GINCOME-A(R) เป็นกองทุนรวมผสมที่กระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลกมากกว่า 2,500 สินทรัพย์ เช่น หุ้นทั่วโลกที่มีการจ่ายปันผลสูง (Global Equity) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก (Global REITs) รวมถึงตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ทั้งรูปแบบของเงินปันผลและดอกเบี้ย เพื่อให้กองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ให้กับผู้ลงทุนได้สม่ำเสมอ สถิติตั้งแต่จัดตั้งจนถึงปัจจุบัน กองทุนสามารถจ่ายผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เฉลี่ยประมาณ 4% ต่อปี แม้จะเผชิญวิกฤต COVID-19 โดยสามารถดูประวัติการจ่ายผลตอบแทนย้อนหลังได้ที่ https://www.kasikornbank.com/th/personal/invest/Pages/Balanced-Fund/index.aspx#k-gincome

ต่อมาคือ กองทุนรวมผสม K-FIT ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆ ของ KAsset ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก และมีการลงทุนทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป โดยจุดเด่นของ K-FIT จะอยู่ที่สามารถเลือกระดับผลตอบแทนที่ต้องการตามความเสี่ยงที่รับได้ ตั้งแต่ K-FITS / K-FITM / K-FITL / K-FITXL

K-FITS” เน้นเสี่ยงน้อย ไม่เหวี่ยงมาก เพราะเน้นลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด 3% ต่อปี*

K-FITM” เสี่ยงเพิ่มหน่อย ได้เพิ่มขึ้น เน้นลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ และเพิ่มสัดส่วนกองทุนหุ้นไทยและต่างประเทศ มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด 5.5% ต่อปี*

K-FITL” เสี่ยงเพิ่มอีก โอกาสโตสูง เน้นลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ และเพิ่มสัดส่วนสินทรัพย์ทางเลือก มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด 7% ต่อปี*

K-FITXL” เสี่ยงเต็มแม็กซ์ เพิ่มโอกาสได้เต็มที่ เน้นลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศ มีอัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นตัวชี้วัด 8.5% ต่อปี*

เรียกว่ายิ่งเสี่ยงมากขึ้นก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากยิ่งขึ้น !!!

*อัตราผลตอบแทนที่ใช้เป็นดัชนีชี้วัดของกองทุนเกิดจากการจัดแบบจำลองการลงทุนย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งกองทุนมิได้รับประกันผลตอบแทนดังกล่าว และผู้ลงทุนอาจได้รับผลตอบแทนติดลบหรือน้อยกว่าอัตราผลตอบแทนที่กำหนดเป็นตัวชี้วัดได้

มาถึงจุดนี้ คงจะพอเห็นภาพของกองทุนสายกลางอย่าง K-GINCOME-A(R) และ K-FIT กันแล้ว สรุปสั้นๆ คือ

  • อยากได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอระหว่างลงทุน เลือก K-GINCOME-A(R)
  • อยากเห็นเงินเติบโต รับเงินก้อนใหญ่ทีเดียวในอนาคต สามารถลงทุนได้ยาว ๆ 3-5 ปี เลือก K-FIT

แต่ถ้ายังเลือกไม่ถูก ไม่อยากเลือกเอง อยากให้มีระบบอัจฉริยะ (Robo Advisor) มาช่วยเลือกกองทุนเพื่อจัดพอร์ตให้อัตโนมัติ และยังคอยดูแลพอร์ตให้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงคอยปรับสัดส่วนให้ตามสภาวะตลาด แนะนำให้เลือกใช้ “Wealth PLUS” เป็นฟีเจอร์บน K PLUS ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้จัดการพอร์ตกองทุนส่วนตัวที่มาช่วยจัดพอร์ตให้ตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของแต่ละคนโดยเฉพาะ และช่วยให้ซื้อ-ขายกองทุนเป็นพอร์ตได้ โดยไม่ต้องนั่งคำนวณเองว่าจังหวะไหนควรซื้อ-ขายกองทุนไหนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่

ฟีเจอร์ Wealth PLUS เริ่มลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 10,000 บาท ส่วนครั้งถัดไปเริ่มเพียง 1,000 บาท และสามารถเลือกให้ตัดเงินลงทุนรายเดือนอัตโนมัติ (DCA) ได้ด้วย ที่สำคัญคือระบบอัจฉริยะของ Wealth PLUS จะปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ (Auto Rebalance) ได้ในทุกๆ 6 เดือน หรือหากมีสถานการณ์ที่ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ระบบก็จะปรับพอร์ตให้ทันทีเช่นกัน

ปังขนาดนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือนักลงทุนที่มีประสบการณ์แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูพอร์ต คงไม่พลาด “กองทุนสายกลาง” ในแบบที่ใช่กับสไตล์ที่ชอบกันแล้วใช่มั้ย?… เพราะการลงทุนแบบบาลานซ์ความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดผันผวน แต่สบายใจ ได้ผลตอบแทนดี มีผู้เชี่ยวชาญดูแลให้ ใครล่ะจะไม่อยากเลือก !!!

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3mJv31I

คำเตือน

– กองทุนมีนโยบายที่แตกต่างกันทั้งด้านสินทรัพย์/ภูมิภาค/ประเทศ/กลุ่มธุรกิจที่กองทุนลงทุน ราคาของหลักทรัพย์จึงมีความผันผวนตามปัจจัยที่กระทบ

– สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ www.kasikornbank.com

– ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า