KBank Private Banking ยกระดับบริการ ‘สำนักงานครอบครัว’ ช่วยทำธุระด้านทรัพย์สินให้เศรษฐีไทย

หลายคนอาจทราบดีอยู่แล้วว่าธนาคารกสิกรไทยมีตัวบริการ KBank Private Banking มาสักพักแล้ว ซึ่งให้บริการบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้ากสิกรไทยที่มีเงินฝากและเงินลงทุนกับธนาคารตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป

โดยหนึ่งในบริการของ KBank Private Banking ก็คือบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารสินทรัพย์ครอบครัว (Family Wealth Planning) ที่ให้บริการให้คำปรึกษาครอบครัวเศรษฐีในการจัดตั้งและจัดระบบสำนักงานครอบครัว

แต่ล่าสุดที่มีปัจจัยหลายอย่างกระตุ้นให้การบริหารทรัพย์สินของครอบครัวเปลี่ยนไป KBank Private Banking จึงได้ยกระดับบริการนี้ไปอีกขั้นโดยเรียกว่าบริการ ‘สำนักงานครอบครัว’ (Family Office)

‘จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์’ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงต่อทรัพย์สินของบรรดาเศรษฐีมากขึ้น

ทั้งวิกฤตเงินเฟ้อ ความผันผวนของตลาดทุน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตลอดจนนโยบายการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีระหว่างสรรพากรไทยและรัฐบาลสหรัฐฯ (FATCA) รวมถึงรัฐบาลชาติอื่นๆ ภายใต้ความตกลง Common Reporting Standard หรือ CRS ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566

ซึ่งข้อตกลงเหล่านี้มีผลทำให้เศรษฐีไทยที่นำเงินไปไว้ในแหล่ง Tax Heaven อย่างหมู่เกาะเคย์แมน หรือหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เกิดความตื่นตัวในการวางแผนทรัพย์สินครอบครัว และต้องการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านภาษีมากขึ้น

นอกจากนี้ จำนวนสมาชิกในครอบครัวที่มีมากขึ้น จากเดิมที่เป็นการส่งต่อจากรุ่นที่ 1 ไปรุ่นที่ 2 ปัจจุบัน เป็นการส่งต่อจากรุ่นที่ 2 ไปรุ่นที่ 3 หรือจากรุ่นที่ 3 ไปรุ่นที่ 4 มีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้การส่งต่อทรัพย์สินมีขั้นตอนและรายละเอียดที่มากขึ้นไปด้วย

จากผลสำรวจโดย Lombard Odier พบว่ากว่า 52% ของเจ้าของธุรกิจครอบครัวไทยเริ่มกลับมาพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับครอบครัว แต่มีเพียง 37% เท่านั้นที่เริ่มลงมือวางแผนแล้ว

ช่องวางตรงนี้ทำให้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวมีโอกาสดูแลลูกค้าในเรื่องนี้ได้มากขึ้นและเป็นการขยายขอบเขตการให้บริการตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นไปอีกด้วย”

KBank Private Banking จึงได้ยกระดับ พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ “สำนักงานครอบครัว” (Family Office) ภายใต้ “บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว” (Family Wealth Planning Service)

โดยขยายขอบเขตการให้บริการจากการให้คำปรึกษาเพื่อจัดตั้งและจัดระบบสำนักงานครอบครัว สู่ผู้ช่วยดำเนินการกิจธุระของครอบครัวที่เน้นลงมือปฏิบัติภายใต้กรอบการให้บริการครอบคลุมทั้งหมด 6 ด้าน ได้แก่

1.งานจดทะเบียนที่ดิน

2.งานเอกสารกฎหมาย

3.งานจดทะเบียนบริษัท

4.งานติดตามทวงถามหนี้

5.งานติดตามทรัพย์

6.บริการจัดเก็บเอกสารสำคัญ

โดยบริษัทจะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์คือบริษัทกฎหมายอย่าง บริษัท ทองเอก แอนด์ ทราทิต จำกัด ในการดำเนินงานต่างๆ ให้ลูกค้า

ซึ่งในส่วนบริการพื้นฐานที่ KBank Private Banking ดูแลให้ ตรงนี้ไม่คิดค่าใช้จ่ายจากลูกค้า แต่ในงานอื่นๆ ที่บริษัทประสานต่อให้พาร์ทเนอร์ทำให้ เช่น การรังวัดที่ดิน ก็จะมีค่าบริการเป็นรายการๆ ไป

‘พีระพัฒน์ เหรียญประยูร’ Managing Director, Wealth Planning and Non Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เดิมบริการสำนักงานครอบครัว (Family Office) จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำลูกค้าที่ต้องการไปตั้งสำนักงานครอบครัวเอง

โดยภายหลังทางธนาคารเล็งเห็นว่าลูกค้ามีความต้องการผู้ช่วยให้ไปจัดการกิจธุรระของครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการจัดตั้งสำนักงานครอบครับเองนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่เหมาะกับลูกค้าที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือลูกค้าที่มีเรื่องต้องจัดการทรัพย์สินครอบครัวเป็นครั้งคราว

ธนาคารจึงได้ขยายขอบเขตในการให้บริการ ยกระดับสู่การเป็นผู้ช่วยในการดำเนินการเรื่องต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ตอบทุกโจทย์ความต้องการด้านทรัพย์สินครอบครัวได้อย่างครอบคลุมครบวงจร

สำหรับปัจจุบัน KBank Private Banking มีจำนวนลูกค้าอยู่ประมาณ 13,000 ราย มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดราว 9 แสนล้านบาท

โดยเป็นลูกค้าที่ใช้บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัวกว่า 4,000 ราย หรือประมาณ 790 ครอบครัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 10 และมีทรัพย์สินครอบครัวภายใต้การบริหารงานกว่า 180,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าว่าจะให้บริการลูกค้าให้ครอบคลุม 40% ของลูกค้าทั้งหมด ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่ให้บริการลูกค้าแล้วประมาณ 36%