อีกฟากฝั่งนึงของโลก ที่เคนยา มีภาพของประชาชนหลายพันคน ในย่านสลัมไคบีร่า ที่กรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนยา ทุบตีแย่งชิงกันไปรับอาหารจากหน่วยงานที่เข้ามาแจกจ่ายเพื่อให้ความช่วยเหลือ ในช่วงการบาดของโรคโควิด-19
โดยผู้ที่ได้รับอาหารไปในครั้งนี้บอกว่า อาหารที่ได้นั้นคงพอจะอยู่ได้ไม่เกิน 2 วันแถมการที่ต้องมาเบียดเสียดแย่งชิงกันแบบนี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส แต่พวกเขาก็ต้องมาเพราะจะอดตายอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีภาพที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีอูฮูรู เกนยัตตา (Uhuru Kenyatta) ของเคนยา ได้สั่งให้หยุดการขนส่งภายในเมืองใหญ่ทั้งหมด รวมถึงในกรุงไนโรบี เมืองหลวงของเคนยาด้วยเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เขากล่าวว่า “เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไปยังส่วนต่างๆของประเทศ คณะรัฐมนตรีเพื่อความมั่นคงของชาติจึงเห็นชอบประกาศมาตรการหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อเข้าออกกรุงไนโรบีทั้งหมดทุกช่องทาง ทั้งทางบก ทางรางหรือทางอากาศ เป็นเวลาทั้งสิ้น 21 วัน รวมทั้งยังมีการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศในช่วงเวลา 1 ทุ่มจนถึงตี 5 ด้วย”
เคนยา เป็นประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าประเทศนี้จะมีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากที่สุดในภูมิภาคเช่นกัน
กรุงไนโรบี เมืองหลวงของประเทศเคนยา มีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำสูง เนื่องจากมีทั้งคนรวยและชนชั้นกลางอาศัยอยู่ใกล้เคียงกับเขตสลัมไคบีรา สลัมที่เป็นพื้นที่ยากจนที่สุดในประเทศ พื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนราว 170,000 – 400,000 คน ขณะที่บางสื่อรายงานว่าประชากรในสลัมขนาดใหญ่แห่งนี้อาจมีมากถึง 1 ล้านคนซึ่งเป็นสลัมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา
ขณะนี้สถานการณ์ในเคนยามีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรายงานแล้วจำนวน 225 คน จากการตรวจเพียง 2,366 เคส ผลออกมาตอนนี้มี 1,911 เคสเท่านั้นที่ได้รับการยืนยัน ส่วนอีก 455 เคสกำลังรอยืนยันผล และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 10 คน
ปัจจุบันมีเกือบ 20 ประเทศในทวีปแอฟริกา ที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ทำให้การดำรงชีวิตของผู้คนเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยที่ไม่รู้ว่ามาตรการเหล่านี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้มีบางประเทศอย่างรวันดาและแอฟริกาใต้ ที่ตัดสินใจขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มอีก 2 สัปดาห์