คิกออฟฉีดวัคซีน ‘ผู้ต้องขัง’ เรือนจำสมุทรปราการ 6,515 คน รมว.ยุติธรรม ขู่พบติดเชื้อเพิ่มมีโทษ

รมว.ยุติธรรม เปิดคิกออฟฉีดวัคซีนโควิด-19 ผู้ต้องขัง ภายในเรือนจำสมุทรปราการ หลังได้รับวัคซีนจากกรมควบคุมโรค สนองนโยบายรัฐบาลป้องกันติดเชื้อลดการสูญสีย หวังหยุดคลัสเตอร์ใหญ่ สั่งผู้บริหารเรือนจำเร่งลดการแออัด หากยังมีผู้ติดเชื้อต้องโดนลงโทษ

วันที่ 3 มิ.ย. 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผลกระทบต่อการเจ็บป่วยรุนแรง หรือการเสียชีวิตของผู้ต้องขัง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นต่อญาติผู้ต้องขังและสังคมภายนอก ว่า กรมราชทัณฑ์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และสามารถให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีศักดิ์ศรี และคุณค่าความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับภายนอก จึงได้จัดทำโครงการฉีดวัคซีนป้องกันแก่ผู้ต้องขัง ทั้งหมด 6,515 คน

ส่วนวัคซีนที่ใช้ เป็นวัคซีนซิโนแวค ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมควบคุมโรค และบุคลากรจากทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และ รพ.บางบ่อ ในฐานะ รพ.แม่ข่าย และอาสาสมัครพยาบาล รวม 40 คน ในการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างวันที่ 3-6 มิ.ย. 2564 รวม 4 วัน วันละประมาณ 1,800 คน ถือเป็นการสนองนโยบาย กระทรวงยุติธรรมและนโยบายของรัฐบาล ภายใต้เป้าประสงค์การป้องกันการติดโควิด-19 และลดการสูญเสียจากภาวะความเจ็บป่วย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งจากนี้เราจะทยอยฉีดวัคซีนให้แก่เรือนจำอื่นๆ อีก โดยเฉพาะเรือนจำที่ปลอดเชื้อแต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงตามที่ได้อภิปรายในการประชุมสภาฯ ไปแล้ว และขอฝากให้ข้าราชการทุกท่านช่วยกันสอดส่องดูแล รวมทั้งผู้ต้องขังทุกท่านต้องป้องกันตัวเองปฏิบัติตามมาตรการด้วย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยทางรัฐบาลจะเริ่มคิกออฟวันที่ 7 มิ.ย. 2564 แต่เราต้องเริ่มก่อนเพราะรอไม่ได้ เมื่อเราได้วัคซีนจากกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564 มาแล้วเราจึงต้องดำเนินการฉีดวัคซีนทันที

ส่วนมาตรการลดความแออัดภายในเรือนจำ หลังมี ส.ส. หลายคนอภิปรายถึงเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการลดความแออัดในเรือนจำตนเองทำมาตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งใหม่ๆ เช่น การสร้างที่นอนสองชั้น การติดกำไล EM จากผู้ต้องขัง 390,000 คน ขณะนี้เหลือประมาณ 300,000 กว่าคน ยังเกินกว่ามาตรฐานพื้นที่ 1.2 ตารางเมตร ต่อคนอยู่อีกประมาณ 10,000 คน ขณะนี้ได้ส่งร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเข้าสู่รัฐสภาใกล้จะได้พิจารณาแล้ว ซึ่งจะมีการปรับอัตราโทษผู้ต้องคดียาเสพติดใหม่ให้เหมาะสม รวมถึงการขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังที่ป่วยติดเตียง หากกระบวนการทั้งหมดนี้เสร็จ เชื่อว่าภายใน 3 เดือนจะแก้ปัญหาความแออัดได้

“หากฉีดวัคซีนได้ครบทุกเรือนจำ เราจะสามารถเกลี่ยผู้ต้องขังไปยังเรือนจำที่มีพื้นที่ว่างได้ ผมขอฝาก ผู้บริหารเรือนจำ หากเรือนจำไหนยังแออัด เรือนนอนมีพื้นที่เฉลี่ยให้ผู้ต้องขังไม่ถึง 1.2 ตารางเมตรต่อคน ต้องถูกลงโทษ เพราะผมได้ย้ำและสั่งการมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะความแออัดเป็นบ่อเกิดของการแพร่เชื้อ” นายสมศักดิ์ กล่าว