ทารกวัยก่อนเรียนอยู่หน้าจอมากที่สุดในรอบ 10 ปี ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าจะกระทบสมอง
ตอนนี้มีงานศึกษาใหม่ที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์เด็ก JAMA ที่แสกนสมองของเด็กอายุ 3-5 ปี แล้วพบว่าเด็กที่อยู่หน้าจอนานกว่าวันละชั่วโมงโดยไม่มีผู้ปกครองแนะนำจะมีการพัฒนาสารสีขาวในสมองซึ่งมีบทบาทในส่วนการพัฒนาภาษา การรู้หนังสือ และกระบวนการคิดน้อยกว่าเด็กปกติ
ดร.จอห์น ฮัตตัน หมอเด็กประจำโรงพยาบาลเด็กซินซินนาติ มลรัฐโอไฮโอ้ ผู้นำการวิจัยบอกว่า “นี่เป็นการวิจัยแรกที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการใช้หน้าจอกับการพัฒนาสมองของเด็กวัยก่อนเรียน”
“เรื่องนี้สำคัญเพราะสมองเติบโตได้เร็วที่สุดในช่วง 5 ปีแรก” ดร.ฮัตตันกล่าว “นี่เป็นช่วงที่สมองจะเริ่มแข็งตัวและดูดซึมทุกอย่าง ถ้าแข็งแรงดีจะแข็งแรงไปทั้งชีวิต”
ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าการดูทีวีมากเกินไปทำให้เด็กสมาธิสั้นและไม่สามารถคิดพิจารณาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง นอกจากนี้ยังทำให้รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และมีปัญหาด้านพฤติกรรมอื่น ๆ และยังพบความเชื่องโยงระหว่างระยะเวลาในการอยู่หน้าจอกับการพัฒนาภาษาช้า นอนไม่หลับ และความสัมพันธ์ระหว่างเด็ก-ผู้ปกครองตกต่ำอีกด้วย
การวิจัยนี้ใช้การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูสภาพสมองของเด็กสุขภาพดีจำนวน 47 ราย (เด็กหญิง 27 คนและเด็กชาย 20 คน) ที่ยังไม่ได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล
การใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้สามารถตรวจจับสารสีขาวในสมองไซึ่งทำหน้าที่เชื่อมสมองส่วนต่าง ๆ เข้าหากัน ซึ่งการใช้หน้าจอมากเกินไปทำให้การทำงานของสารสีขาวนี้มีปัญหา นำมาสู่การที่สมองทำงานได้ช้าลง
ก่อนเข้าตรวจสมอง เด็ก ๆ จะได้ทำแบบทดสอบเพื่อตรวจกระบวนการคิด ผู้ปกครองทำแบบทดสองเรื่องการดูหน้าจอของเด็ก ๆ ทั้งเรื่องเวลา เนื้อหา และการพูดคุยเรื่องเนื้อหากับผู้ปกครอง