คิม จอง อึน กร้าวสหรัฐฯ คือต้นเหตุความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

คิม จอง อึน ย้ำเกาหลีเหนือจำเป็นต้องพัฒนาอาวุธ เพื่อรับมือนโยบายที่เป็นปรปักษ์จากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้

วันที่ 12 ต.ค. 2564 สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ปรากฏตัวในงานแสดงแสนยานุภาพด้านอาวุธของเกาหลีเหนือ พร้อมประกาศว่า เกาหลีเหนือมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพด้านอาวุธของตนเอง เพื่อรับมือกับนโยบายอันเป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ และการเสริมสร้างกำลังของกองทัพเกาหลีใต้

รายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลีระบุ นายคิม จอง อึน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดนิทรรศการพัฒนากองกำลังป้องกันประเทศที่มีชื่อว่า “การป้องกันตนเอง 2021” ที่กรุงเปียงยาง เมื่อวันที่ 11 ต.ค. โดยได้เน้นย้ำว่า เกาหลีเหนือพร้อมดำเนินการพัฒนาอาวุธต่อไป เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันตนเองของกองทัพ แต่ไม่ใช่เพื่อการเริ่มต้นสงคราม

“เราไม่ได้ปรึกษาว่าจะทำสงครามกับใคร แต่เราต้องการป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ” นายคิมกล่าว

นอกจากนี้ นายคิมยังกล่าวโทษสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นตอของความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ส่งสัญญาณมาตลอดว่าไม่ได้เป็นศัตรูกับเกาหลีเหนือ แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ที่ทำให้เกาหลีเหนือเชื่อได้ว่าสหรัฐฯ คิดเช่นนั้นจริง

การปรากฏตัวของผู้นำเกาหลีเหนือในนิทรรศการแสดงแสนยานุภาพทางทหารครั้งนี้มีขึ้น ในขณะที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กำลังเร่งขับเคี่ยวพัฒนาอาวุธของตนเอง และทั้งสองชาติก็มีการทดสอบขีปนาวุธต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานมานี้ เกาหลีใต้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำเป็นครั้งแรก และยังมีแผนจะพัฒนาอาวุธใหม่ๆ อย่างเรือบรรทุกเครื่องบิน เพิ่มเติม พร้อมทั้งได้สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่สเตลท์ F-35 จากสหรัฐฯ เข้ามาอีกหลายลำ

ขณะที่ทางฝั่งเกาหลีเหนือ ก็ยังคงเดินหน้าโครงการพัฒนาขีปนาวุธต่อไป โดยที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มโครงการขยายเตาอุปกรณ์นิวเคลียร์หลักสำหรับใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงระเบิดนิวเคลียร์ในประเทศ

ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้นำเกาหลีเหนือในครั้งนี้ว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังวิเคราะห์อาวุธยุโธปกรที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการนี้ และจะติดตามสสถานการณ์ของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดต่อไป