หยุดคนร้ายกราดยิงในค่ายไม่ทันเพราะชำนาญพื้นที่ ยืนยันไม่ถึงขั้นประกาศเหตุฉุกเฉิน |

วันที่ 12 ก.พ. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย สอบถามกรณีเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 30 ราย บาดเจ็บ 58 ราย ว่าสาเหตุมาจากคนร้ายมีอาวุธสงครามและมาจากความหละหลวมของกองทัพ ที่ไม่ระงับเหตุจนเหตุการณ์บานปลาย

ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกหน่วยช่วยกับปราบปรามได้ นายกรัฐมนตรีประเมินสถานการณ์ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง มองว่าใช้อำนาจตามกฎหมายตามปกติได้ ซึ่งมาจากนายกรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางมาเองทำให้การตัดสินใจผิดพลาดมหันต์ และใครต้องรับผิดชอบ

ผังที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ใช้ประกอบการอภิปราย

นายประเสริฐ ได้เสนอผังลำดับเวลา โดยระบุว่า คนร้ายใช้เวลาอยู่ในค่ายเพื่อชิงอาวุธสงครามและรถนานถึง 50 นาที ในค่ายมีทหารเป็นหมื่นนาย แต่ไม่มีแม้แต่ไซเรนเตือน หรือวิทยุสกัด จนคนร้ายไปที่วัดอยู่ในวัดเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนจะมุ่งห้างเทอร์มินัล ซึ่งจากวัดไปที่ห้าง มีระยะทาง 6.5 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที ไฟแดง 9 จุด และถ้ารวมจากจุดแรกที่บ้านผู้พัน ไปถึงห้างเทอร์มินัล 21 รวมระยะทาง 23.5 กม. ใช้เวลาถึง 2.40 ชั่วโมง ถ้าสกัดได้ความสูญเสียจะไม่มากเท่านี้ ถ้าประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยก็จะได้มาระงับเหตุ

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบกระทู้แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า การที่ไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มาจากการที่นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานแล้ว สั่งการให้ตน และผู้บัญชาการทหารบกติดตามสถานการณ์ มีการหารือว่าต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ ตำรวจสามารถควบคุมเหตุการณ์ที่ห้างเทอร์มินัล 21 ได้หรือไม่ ซึ่งพิจารณาแล้วจะให้ทาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ควบคุมสถานการณ์เข้าปฏิบัติการต่อผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นได้เรียนนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา และได้รับคำสั่งเตรียมกำลังพร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตามการประกาศอาจจะทำให้สถานการณ์บานปลายมีผลในวงกว้างมากขึ้น แต่เราไม่ได้ประมาท มีการเตรียมกำลังไว้เพิ่มเติมแล้ว มีการวางแผนและดำเนินการตามหลักการการใช้กำลัง

ส่วนเรื่องใครต้องรับผิดชอบ หลังเกิดเหตุมีคำสั่งสอบสวนทุกระดับว่ามีข้อบกพรองส่วนไหน ส่วนระบบการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธและกระสุน มีการจัดเวรยาม 24 ชม. แต่ผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลในหน่วย และเคยเป็นผู้บังคับกองรักษาการ รู้ดีเรื่องอาวุธ กระสุน อยู่ตรงไหน และมีทักษะใช้อาวุธ เราควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอน มีชุดเผชิญเหตุ แต่เขามีข้อมูล ชุดเผชิญเหตุที่จะเข้าไประงับต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีวิธีการดำเนินการ ซึ่งการสกัดกั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถเอากระสุน M60 ที่ประสิทธิภาพสูงกว่ากระสุนปืนเล็กยาวได้ และมีการติดตามสกัดกั้นตลอด ที่วัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเอารถไปขวางก็เสียชีวิต มีการสกัดตามแผนแล้ว

“ในยามปกตินั้น ในการจัดหน่วยจะมีชุดเผชิญเหตุเป็นหลัก ในการจัดที่จะมีกำลังหมวดหมู่ กองร้อย กองพัน ก็มีข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการจัดกำลังอีกเช่นเดียวกัน เมื่อมีเกิดเหตุการณ์แล้วจะต้องจัดกำลังอย่างไร มีขั้นตอนการปฏิบัติ แต่เนื่องจากว่าผู้ก่อเหตุเป็นกำลังพลในหน่วยนี้แล้วก็รู้ดีว่าสิ่งต่างๆ อยู่ที่ไหนอย่างไร ทำให้การแก้ไขสถานการณ์นั้นค่อนข้างที่จะเสี่ยงต่อการที่กำลังพลเองด้วย แล้วกำลังพลบาดเจ็บ ก็ต้องส่งกำลังพลบางส่วนเข้ารักษาพยาบาล ทำให้การตัดสินใจในการแก้ปัญหาในการที่จะจัดกำลังเพิ่มเติมให้… และเวลาในการที่จะแก้ไขที่ท่านบอกว่าายาวนาน มันไม่ได้ยาวนานถึงขนาดหลายชั่วโมง จากวัดป่าที่จะไปเทอร์มินัล 21 ก็มีการสกัดกั้นอย่างต่อเนื่องนะครับ”

พล.อ.ชัยชาญ ยังกล่าวด้วยว่า ระบบปัจจุบันค่อนข้างรัดกุมแล้ว แต่ ผบ.ทบ. และกระทรวงกลาโหม ได้มีการสั่งการให้เพิ่มมาตรการมากขึ้นจากที่มีอยู่แล้ว

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า มูลเหตุความขัดแย้งมาจากที่ดินราชพัสดุ ที่กองทัพครอบครอง 7.5 ล้านไร่ และมีเครือญาติเข้าไปเกี่ยวข้องในการจัดสรร จำหน่ายให้นายทหารชั้นผู้น้อย เอาเงินส่วนต่างจากการกู้เงินสวัสดิการไป เมื่อร้องทุกข์กลับถูกสั่งขังและหักเบี้ยเลี่ยง เท่ากับกองทัพสร้างปีศาจความขัดแย้งขึ้นมาเอง ถามว่าเอาที่ราชพัสดุไปทำอย่างนี้ได้หรือไม่ มีทหารชั้นผู้น้อยถูกเอาเปรียบมากแค่ไหน

พล.อ.ชัยชาญ ตอบว่า โครงการที่มีปัญหาไม่เกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุ เป็นที่ดินทั่วไป แต่มีการกู้เงินของกองทัพบกได้สูงสุด 1.5 ล้านบาท การไปตกลงสร้างบ้านไปตกลงกับเจ้าของโครงการเอง

นายวิโรจน์ ถามต่อเรื่อง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เรื่องกล่าวว่า 3 เดือนจะล้างบางเรื่องผลประโยชน์สีเทาๆ ที่ทำให้กองทัพประสบปัญหา จะทำอย่างไร

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวว่า การดำเนินการของกองทัพในกิจการต่างๆ ได้ทำตามระเบียบตามข้อตกลงกระทรวงการคลัง ซึ่งได้หารือกระทรวงการคลังทำให้เป็นระบบมากขึ้น โดยรายได้บางส่วนจะนำส่งให้กระทรวงการคลัง บางส่วนจะขอมาเป็นสวัสดิการกองทัพ จะดำเนินการให้ชัดเจนโปร่งใสตรวจสอบได้

https://www.youtube.com/watch?v=3_0zAcHbmQE

หยุดคนร้ายกราดยิงในค่ายไม่ทันเพราะชำนาญพื้นที่ ยืนยันไม่ถึงขั้นประกาศเหตุฉุกเฉิน

podcast

Spotify

Podbean

Youtube

Apple Podcasts