ธนาคารกรุงศรี มองค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ จะซื้อขายในกรอบ 37.50-38.00 บาทต่อดอลลาร์ แนะนำจับตาการประชุม กนง.
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (26-30 ก.ย. 2565) ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 37.50-38.00 บาทต่อดอลลาร์
เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 37.46 บาทต่อดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 36.82-37.46 บาทต่อดอลลาร์
โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี ขณะที่สกุลเงินภูมิภาคทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายปีเช่นกัน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวต่อไป ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับผลการประชุม Fed มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 75 เบสิสพอยท์ (bps) เป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ส่งผลให้กรอบเป้าหมายดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ที่ 3.00-3.25% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ขณะที่เครื่องชี้ทิศทางดอกเบี้ย (Dot Plot) ฉบับใหม่ บ่งชี้ว่า ดอกเบี้ยมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสู่ 4.50-4.75% ในปี 2566 ก่อนจะลดลงสู่ 3.75-4.00% ในปี 2567
นอกจากนี้ ประธาน Fed ระบุถึงความมุ่งมั่นในการทำให้เงินเฟ้อชะลอถึงแม้จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงันก็ตาม โดย Fed คาดว่าจีดีพีสหรัฐอาจขยายตัวเพียง 0.2% ในปีนี้ และ 1.2% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโตศักยภาพ ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ในทิศทางขาขึ้น
ทางด้านเงินเยน พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล โดยญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อหนุนค่าเงินเยนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541 หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ประกาศคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษสวนกระแสโลกต่อไป
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,563 ล้านบาท และ 7,930 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับความเห็นเจ้าหน้าที่ Fed ข้อมูลการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลเดือน ส.ค.ของสหรัฐ วิกฤติค่าเงินปอนด์ซึ่งแตะจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps สู่ 2.25% และอาจต้องประชุมนอกรอบในเร็วๆ นี้ หลังรัฐบาลอังกฤษประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความหวั่นวิตกเกี่ยวกับสถานะทางการคลัง อนึ่ง
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ร่วมด้วย เรามองว่าเงินดอลลาร์จะได้แรงหนุนต่อไปท่ามกลางภาวะตลาดการเงินตึงตัวและความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 ก.ย. จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นดอกเบี้ย 25 bps สู่ระดับ 1.00% โดยกรรมการเสียงส่วนน้อยอาจสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ย 50 bps
นอกจากนี้ ประเด็นการเมืองในประเทศเป็นที่น่าติดตามเช่นกัน อย่างไรก็ดี ในภาพใหญ่คาดว่าเงินบาทและสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่จะเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในระยะนี้