เหตุผลที่ “ทักษิณ” รอด คดี ธ.กรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มกฤษดามหานคร

วันที่ 30 ส.ค. ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร กับพวกทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อ ธ.กรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร
.
คดีนี้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ระหว่างพิจารณา นายทักษิณ หลบหนีหมายจับจึงมีการจำหน่ายคดีชั่วคราว จนเมื่อมีการใช้กฎหมายใหม่ให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้จึงนำขึ้นสู่การพิจารณาและมีคำพิพากษาในวันนี้
.
ศาลฯ วินิจฉัยว่า คำให้การของนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการ ธ.กรุงไทย ซึ่งเป็นพยาน ว่านายทักษิณ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะคือ “ซุปเปอร์บอส”เป็นผู้สั่งการให้ปล่อยสินเชื่อขัดกับที่เคยมีการให้การกับ คตส.ว่า หมายถึง คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และเป็นเพียงการคาดเดาไปตามความเข้าใจที่รับฟังมาจาก ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 2 อดีตประธานกรรมการบริหาร ธ.กรุงไทย ที่โทรมาหา ซึ่งมีเพียงจำเลยที่ 2 เท่านั้นที่ยืนยันข้อเท็จจริงได้หรืออาจจะกล่าวอ้างขึ้นเองก็ได้

.
ศาลฯ ระบุด้วยว่า พยานปากนายชัยณรงค์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการอนุมัติสินเชื่อ จึงควรรับฟังด้วยความระมัดระวัง
.
ส่วนพยานปากนายอุตตม สาวนายน กรรมการ ธ.กรุงไทย อีกคนได้ความเพียงว่า นายชัยณรงค์สอบถามก่อนประชุมว่า ร้อยโทสุชาย โทรศัพท์มาหาด้วยหรือไม่ นายอุตตมตอบว่าไม่ได้โทรมา ดังนั้นการอนุมัติสินเชื่อให้จำเลย 19 ของนายอุตตม จึงไม่ได้เกิดจากการโน้มน้าวของ ร้อยโทสุชาย โดยอ้างคำสั่งจากนายทักษิณ
.
คำพิพากษา ระบุว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่านายทักษิณ สั่งการให้อนุมัติสินเชื่อ จึงให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1

26 ก.ค. 62

ทั้งนี้ นายอุตตม เคยชี้แจงในช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ถึงการอนุมัติสินเชื่อ 9,900 ล้านบาทของ ธ.กรุงไทย เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2546 ว่า ตนกับนายชัยณรงค์ เป็นกรรมการ 2 คนที่ทักท้วงซักถามและไม่เห็นด้วย แต่มาทราบภายหลังว่ามีการปล่อยสินเชื่อออกไป เมื่อมีการตรวจสอบ ตนและนายชัยณรงค์ จึงไม่ถูกกล่าวโทษด้วย