แจง ห้ามนายจ้างปิดงาน ลูกจ้างนัดหยุดงาน ใช้เฉพาะกับกรณีเกิดข้อพิพาทเท่านั้น

จากกรณีที่กระทรวงแรงงาน ออกประกาศ เรื่อง “ให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้เข้าสู่การชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ และห้ามนายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงานในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉิน” ประกาศ ณ วันที่ 6 พ.ค. 63 ลงนามโดย หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีข้อปฏิบัติด้วยกัน 4 ข้อ

แต่ในกรณีที่ประชนชนให้ความสนใจ คือข้อ 2 และ ข้อ 4 ที่ระบุว่า
2. “ห้ามมิให้นายจ้างปิดงาน หรือลูกจ้างนัดหยุดงาน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร”
4. “ในกรณีที่มีการปิดงานหรือการนัดหยุดงาน อยู่ก่อนวันที่มีประกาศนี้บังคับ ให้นายจ้างซึ่งปิดงานรับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน และให้ลูกจ้างที่นัดหยุดงานกลับเข้าทำงานตามปกติ”

ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า การออกประกาศฉบับนี้ คือการห้ามเลิกจ้าง หรือห้ามปิดกิจการ เพื่อประกันสังคมจะได้ไม่ต้องจ่ายหรือไม่

ล่าสุด นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ชี้แจงเรื่องนี้กับ Workpoint News ดังนี้
1. ประกาศฉบับนี้ ออกมาเพื่อบังคับใช้ในกรณีที่ “เกิดข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง แล้วตกลงกันไม่ได้” เท่านั้น และไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการปิดกิจการหรือหยุดกิจการชั่วคราวเพราะวิกฤตโควิด-19 (ซึ่งกรณีนี้ประกันสังคมช่วยเงินเยียวยาตามกฎหมายอยู่แล้ว)
2. “ข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างแล้วตกลงกันไม่ได้” ตามประกาศฉบับนี้ คือกรณีที่นายจ้างมีปัญหากับสหภาพแรงงาน เช่น บริษัท ก. ไม่ขึ้นค่าแรง และเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานตามที่เคยรับปากไว้ ทำให้พนักงานเกิดความไม่พอใจและตกลงกันไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้นายจ้างสั่งปิดงาน หรือลูกจ้างนัดหยุดงานได้
3. เมื่อมีกรณีข้อพิพาทที่ตกลงไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 จะมีเจ้าหน้าที่ ก.แรงงานเข้าไปเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ประกาศนี้จะเพิ่มการตั้งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เพื่อทำการชี้ขาด
4. ก่อนหน้านี้เมื่อเกิดข้อพิพาทที่ตกลงกันไม่ได้ กระทรวงแรงงานไม่มีกฎหมายบังคับ ทำให้มีการปิดงาน หรือ นัดหยุดงานเกิดขึ้น ประกาศฉบับนี้ออกมาเพื่อคุ้มครองไม่ให้เกิดกรณีดังกล่าวในระหว่างที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์กำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน
5. ส่วนกรณีการปิดกิจการ หรือ เลิกจ้าง เพราะวิกฤตโควิด-19 ก็ยังสามารถทำได้ โดยจะมีกฎหมายคุ้มครอง การจ่ายเงินชดเชยเยียวยาอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นคนละกรณีกับตัวประกาศนี้