SHARE

คัดลอกแล้ว

ร่วมถอดบทเรียน ด้านแรงงาน ประเทศเอสโตเนีย ปูแนวทางยกระดับแรงงานด้อยโอกาสในประเทศไทย พร้อมริเริ่มระบบทดลองพัฒนาทักษะแรงงานโดยชุมชนเป็นฐานนำร่อง 50 พื้นที่ทั่วไทย

วันที่ 28 พ.ค. 62 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. จัดประชุมวิชาการนานาชาติ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์การพัฒนาและการเพิ่มทักษะดิจิตอลให้แก่กลุ่มประชากรวัยแรงงานที่ด้อยโอกาส : บทเรียนและประสบการณ์จากประเทศเอสโตเนีย” โดยมี ศ.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการ กสศ. นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ กสศ. น.ส.ไครี โซลแมน ผู้บริหารโครงการสำนักการศึกษาและพัฒนาผู้ใหญ่ กระทรวงศึกษาธิการและการวิจัย จากประเทศเอสโตเนีย เข้าร่วม

ศ.นักสิทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีกลุ่มแรงงานด้อยโอกาสจำนวนมาก และมีปัญหาทั้งเรื่องการศึกษาและทักษะค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ และไม่มีแนวโน้มดีขึ้น นอกจากนี้แรงงานนอกระบบ หรือแรงงานด้อยโอกาส ที่มีประมาณร้อยละ 55 นั้น ไม่ได้รับการคุ้มครอง ถ้าจะพัฒนาประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง การพัฒนาแรงงานจึงมีความสำคัญสูงมาก จึงพยายามลดช่องว่างทางการศึกษาของประเทศไทย เพื่อไม่ให้ตกขบวน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการสนับสนุนเด็กนักเรียนยากจน มอบทุนสายอาชีพแล้ว ยังมีหน้าที่ในการพัฒนายกระดับทักษะให้แก่กลุ่มวัยแรงงานด้อยโอกาสด้วย การที่ กสศ. จัดอบรมแรงงานด้อยโอกาส ถือเป็นการลดช่องว่างทางการศึกษาให้คนด้อยโอกาส และได้แรงงานที่มีทักษะเพิ่มขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

“แรงงานในระบบมีอยู่ประมาณ 17 ล้านคน แบ่งเป็นระดับปริญญาตรี 4 ล้านคน อาชีวศึกษา 2.2 ล้านคน นอกนั้นอีก 10 ล้านคน เป็นแรงงานที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าระดับชั้น ม.6 ซึ่งโจทย์ปัญหาแรงงานในประเทศไทยที่ต้องเตรียมรับมือในอนาคตก็คืออีก 5-10 ปี ข้างหน้า แรงงานกลุ่มนี้จะถูกแทนด้วยระบบอัตโนมัติ ประเทศไทยต้องผลิตแรงงานให้ตรงกับความต้องการ โดยมีทักษะความรู้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคตได้” ศ.นักสิทธิ์ กล่าว

ขณะที่ นพ.สุภกร ระบุว่า ประเทศเอสโตเนียมีขนาดเท่ากับจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทย มีประชากรราว 1.3 ล้านคน ที่พัฒนาไปเร็วมาก ใช้เวลาไม่ถึง 30 ปี เปลี่ยนจากประเทศยากจนเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ปัจจุบันมีรายได้ต่อหัวมากกว่าประเทศไทยถึง 7 เท่า ผลการสอบ PISA (การสอบระดับนานาชาติแบบทุก 3 ปี เพื่อประเมินระบบการศึกษาทั่วโลก ผ่านการทดสอบทักษะและความรู้ความสามารถของนักเรียนวัย 15 ปี) ปี 2015 พบว่าอยู่ในระดับท็อป 5 ของโลก เนื่องจากระบบโรงเรียนสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีขีดความสามารถสูงไม่ขาดสาย การสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเปิดโอกาสให้แรงงานวัยผู้ใหญ่ที่ด้อยโอกาสได้กลับมา RESKILL เพิ่มศักยภาพได้ โดยประเทศเอสโตเนีย ใช้วิธีสร้างแรงจูงใจให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เช่น นายจ้างที่มีนโยบายส่งเสริมให้ลูกจ้างไปเรียนรู้เพิ่มเติม ก็จะลดหย่อนภาษีได้ ขณะที่ลูกจ้างเอง ได้ได้สิทธิ์ลาหยุดงานเพื่อไปเรียนเพิ่มเติมสูงสุดถึงปีละ 30 วัน

“กสศ. เองได้นำบทเรียนจากเอสโตเนียมาเป็นส่วนหนึ่งของฐานความรู้ในการพัฒนาระบบทดลองการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ให้เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่และแรงงานฝีมือโดยใช้ชุมชนเป็นฐานนำร่องใน 50 พื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีสัดส่วนความยากจน การว่างงานสูง และมีดัชนีความก้าวหน้าของคนต่ำ โดยจะมีการวิเคราะห์ศักยภาพและจัดทำแผนร่วมกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดรูปแบบการพัฒนาทักษะอาชีพแบบครบวงจร โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน คาดว่าในปีแรกจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายประมาณ 5,000-10,000 คน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเชิญชวนหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา ที่มีศักยภาพในด้านการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น สามารถเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนได้” นพ.สุภกร ระบุ

ด้าน น.ส.ไครี โซมานน์ ผู้บริหารโครงการสำนักการศึกษาและพัฒนาผู้ใหญ่ กระทรวงศึกษาธิการและการวิจัย ประเทศเอสโตเนีย กล่าวว่า รากฐานความสำเร็จของเอสโตเนียเริ่มมาจากการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายระดับชาติที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างชัดเจน ภายใต้ยุทธศาสตร์ Estonia 2020 ซึ่งกำหนดเป้าหมายให้มีประชากรวัยทำงานที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ภายในปี 2020 จากร้อยละ 10.5 เมื่อปี 2010 ล่าสุดในปี 2018 อยู่ที่ 19.7% โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอียูซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 11.1

“เอสโตเนียให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชากรวัยทำงานเท่ากับการศึกษาขั้นพื้นฐานอาชีวะศึกษาและอุดมศึกษาของเยาวชน เพราะเราเชื่อว่าแรงงานที่มีประสิทธิภาพจะต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เสมอ และแน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเข้ามาดูแลและลงทุนเรื่องนี้” นางสาวไครี กล่าว

ปัจจัยความสำเร็จอีกด้านคือ การทำงานร่วมกันทั้งภายในภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เช่น ภาครัฐให้สิทธิลดหย่อนทางภาษีกับแรงงานที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ขณะที่ภาคเอกชนก็อนุญาตให้ลูกจ้างกลับเข้าศึกษาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยยังได้ค่าจ้างตามปกติ นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งสภาการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่แห่งชาติ (National Council for Adult Education) เพื่อกำหนดนโยบายการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะอีกด้วย และต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยภาครัฐจะมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะแรงงานไปที่ผู้ใหญ่ที่มีการศึกษาในระดับต่ำ ผู้ที่ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาอันควร ผู้ใหญ่ที่ไม่มีคุณวุฒิทางวิชาชีพและผู้ใหญ่ที่มีทักษะอาชีพที่จำเป็นต้องพัฒนาให้ทันสมัย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า