SHARE

คัดลอกแล้ว

  ใครจะไปรู้ว่านักแสดงสาวสวยหน่วยก้านดี แถมภาพลักษณ์ดูเป็นคนเฮฮาอารมณ์ดีขนาดนี้ อย่างนักแสดงสาว บูม สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง” ที่ผ่านมาชีวิตพลิกผันแบบไม่ทันตั้งตัวจากอดีตที่บอกว่าตัวเองเป็นคุณหนูเอาแต่ใจมีพร้อมทุกอย่าง จนกระทั่งครอบครัวติดหนี้กว่า 70 ล้านบาท จนสุดท้ายคุณแม่มีเงินติดตัวเหลือแค่ 20 บาท และต้องมาขายน้ำสำรองเพื่อเลี้ยงชีพ จากแต่ก่อนที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฟังเรื่องราวจากนักแสดงสาวแข็งแกร่งคนนี้กันได้ ผ่านรายการ เลดี้พลาซ่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา

 พิธีกร : ครอบครัวเคยติดหนี้ 70 ล้าน เกิดอะไรขึ้น

 บูม : ปัจจุบันก็ยังติดอยู่ มาจากธุรกิจเพราะเมื่อก่อนครอบครัวทำอสังหาริมทรัพย์ ช่วงนั้นครอบครัวเป็นอุปสรรค พ่อกับแม่แยกทางกัน ธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดี จากอสังหาเป็นโรงงานเป็นโกดังให้เช่าก็ยังรันงานไปเรื่อยๆเพราะเดือนๆหนึ่งก็มีรายรับ มีโรงงานที่เช่าอยู่ แต่ว่าตอนนั้นพ่อกับแม่เลิกกัน เรายังเด็กกับพี่ชายต้องกระเตงจากบ้านหนึ่งไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง ไปอยู่บ้านอี๊ ปิดเทอมต้องย้ายไปอยู่กับอีกบ้าน เคยต้องย้ายไปอยู่โรงแรม นอนโรงแรมเพราะบ้านที่เคยอาศัยกับพ่อแม่ตกแต่งอยู่ สุดท้ายบ้านก็กลายเป็นบ้านที่สร้างไม่เสร็จ พ่อแม่ก็ไม่สร้างต่อ ทิ้งทุกอย่าง จนกลายเป็นว่า บูมต้องมาอยู่กับอาคนหนึ่ง เปิดเทอมก็ต้องย้ายโรงเรียน เรียกได้ว่า ณ โมเม้นต์ตอนนั้น คือ หนักเหมือนกัน

พิธีกร : ถือว่าหนักเหมือนกันนะ ตอนนั้นอายุเท่าไร

บูม : อายุ 14 ปี

พิธีกร : จากที่มีทุกอย่างจนถึงวันที่ไม่มีอะไรสักอย่างแล้วชีวิตยังต้องไปที่นั่นที่นี่เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร ท้อไหม?

บูม : ตอนนั้น มันแค่ความคิดของเด็กๆ อยากแค่มีห้องของตัวเอง เพราะเราเคยมีทุกอย่าง แล้วรู้สึกว่า พอวันหนึ่งเราไม่มี เราแค่อยากมีห้องนอนของตัวเอง อย่างเราไปอยู่บ้านอี๊ซึ่งเราไม่มีห้องแล้วครอบครัวเขาก็มีลูกอีก 2 คน ไหนจะเขาแล้วยังมีเราอีก ไม่มีห้องน้ำในตัวจากที่เราเคยมีทุกอย่าง เราก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย คืออะไร บอกเลยว่าตอนเด็กๆตัวเองนิสัยไม่ดีเพราะมีทุกอย่าง คือเป็นคนไม่รู้จักให้เพราะได้ทุกอย่าง ตะโกนวี๊ดๆใส่พี่เลี้ยง อย่างเช่น สั่งแคนตาลูปมากิน มีคนมากินด้วย คว่ำจานเลย ไม่ต้องกิน เป็นเด็กนิสัยไม่ดีเลย เพราะตัวเองเป็นคนไม่แชร์อะไรกับใคร แม่บูมซื้อเกมให้ก็ต้องซื้อ 2 เครื่อง พอวันที่เราอยู่กับคนอื่นเราได้รู้ว่า เราอยากกินข้าวตอนนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนคงตะโกนเปิดหน้าต่างแล้วให้พี่เลี้ยงทำกับข้าวให้หน่อย แต่พอมาวันนี้รอ 19.00 น.ต้องกินข้าวต้องรอคนอื่น จนได้เรียนรู้ว่า เราต้องรู้จักให้ ทุกอย่างคงไม่ได้ดั่งใจตัวเรา

พิธีกร : ปรับตัวยากไหม

บูม : ไม่ยากค่ะ โชคดีที่ไม่ไหลไปกับอโคจร อบายมุขหรือว่าอะไรก็ตาม ถือว่าบูมโชคดีมากๆ โชคดีที่ยังอยู่ในกรอบในวินัยที่ดี บูมจะเป็นคนที่ไม่ออกจากกรอบเลย เพราะว่าพ่อแม่สอนไว้ว่าไม่เคยบอกให้ลูกเดินเป็นเส้นตรงลูกจะเดินทางยังไงก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในกรอบนี้ แล้วเราก็ไม่เคยออกนอกกรอบเลย เลยรู้ว่าโชคดีมาก และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต บูม มันทำให้ บูม เปลี่ยนแปลงเลยจากที่เคยได้รับทุกอย่าง ได้รู้จักคำว่า ให้ แบ่งปัน เข้าใจ รู้จักรอ รู้จักอะไรหลายๆอย่าง รู้จักว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ก็ไม่ได้อยากโทษผู้ใหญ่ แต่พอคนสองคนไม่เข้าใจ การทะเลาะกัน คดีความกัน มันมีแต่เสียกับเสีย บูมว่าการประนีประนอมสุดท้ายแล้วคือสิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งเราปล่อยระยะเวลาผ่านไปขนาดไหนความรู้สึกของจิตใจของเด็กคือของคนที่ที่เขาถูกทำร้าย บูมเคยตั้งคำถามในใจว่าแบบ แม่บูมอยู่ที่ไหน

พิธีกร : ตอนนั้นได้เจอ แม่บ้างไหม

บูม : ได้เจอ แต่ไม่เคยได้นอนด้วยกัน บูมต้องมาอยู่กับอา

พิธีกร : เคยถามแม่ไหม

บูม : บูมไม่กล้า เพราะอะไรที่เรารู้ แล้วเราเจ็บ เราเลือกที่จะไม่รู้ดีกว่า บูมก็เลยเลือกที่จะตัดคำถามในหัว ยิ่งถ้าไม่ตัดคำถามในหัว จะมีแต่คำว่า ทำไม ทำไมครอบครัวเราถึงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ มีคำถามว่า ทำไม ทำไม กับตัวเราเอง ทำให้เราไม่มีความสุข ก็เลยบอกกับตัวเองว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีหรือยังก่อนที่เราจะไปตั้งคำถามใคร เขาอาจจะมีเหตุผลของเขา ณ ตอนนั้น ว่าเขาอาจต้องไปทำงานเพื่อให้มีเงินมาดูแลเรา ไปวิ่งเต้นเรื่องนู้นเรื่องนี้มาดูแลเราและพี่ชาย เราก็เลยโอเค ตอนที่อยู่กับแม่ก็เลยย้ายมาอยู่กับพ่อตอนนั้นเก็บเสื้อผ้ามาแค่ 7 วัน เพราะอยากอยู่กับแม่มากกว่าสมัยนั้น

พิธีกร : ต้องมาอยู่กับพ่อ ได้ร้องไห้กับแม่ไหม? ว่าไม่อยากไป

บูม : ร้องค่ะ เพราะตอนแรกถูกหลอก เพราะเราชินที่อยู่กับแม่ ประมาณ ม.2-ม.3 ต้องย้ายมาอยู่กับพ่อ เก็บเสื้อผ้ามาแค่ 7 วันหลังจากนั้นไม่ได้กลับไปหาแม่อีกเลย ไอเราก็ไม่รู้ด้วยว่าแม่อยู่ไหนยังไง ได้แต่โทรคุย แล้วพ่อก็ไม่ให้ติดต่อแม่ด้วย แต่เราไม่ได้ลำบาก แต่มีหนี้สินไหม มี แต่ถามว่าลำบากจนต้องกัดก้อนเกลือกินไหม ไม่ถึงขนาดนั้น แต่จะเป็นเรื่องของปัญหาทางใจมากกว่าที่เกิดขึ้นกับเด็กในวัยนั้น บูมว่าปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาระยะยาว

พิธีกร : ช่วงไหนที่มีเงินติดตัวแค่ 20 บาท จนต้องไปขายน้ำสำรอง

บูม : แม่บูม ในวันที่เขามีมากๆเขามีทุกอย่าง ในวันที่เลิกกับพ่อเลยให้ธุรกิจและลูกให้คุณพ่อดูแล เพราะพ่อมีธุรกิจอย่างน้อยลูกก็ไม่ลำบาก แม่ก็ไม่มีงานละ พอแม่ไม่มีงาน บูมก็ยอมรับเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เราก็ไม่ได้คุยกับแม่รู้เรื่องแม่ให้เงินบ้างไม่ให้บ้าง ฉันก็อยากได้ของของฉัน อาจทำหน้าที่ลูกได้ไม่สมบูรณ์แบบ คือ ก็รู้สึกผิดนะ เหมือนเป็นเด็กที่คุยไม่รู้เรื่อง พี่ชายด้วย ที่ไม่อยากรับรู้ เพราะฉันก็สบายของฉันอยู่แล้ว แต่ว่าวันหนึ่งเราก็มานั่งคือว่า เราให้คนที่เป็นแม่เราคนหนึ่งลำบากไม่ได้หรอกเพราะเกิดมาลืมตาจนถึงทุกวันนี้ บูมยังไม่เคยลำบากเลย เขาเลี้ยงมาแบบไม่ให้ลำบากเลย หลอดไฟเสีย แม่ขึ้นไปปีกทำให้เรียบร้อย เขาให้
บูมทุกอย่าง บูมเลยรู้สึกว่า เฮ้ยไม่ได้ วันหนึ่งที่เราเห็นแม่แบบไปขายน้ำสำรองขวดละ 20 บาท เอามาให้ลูกชิมด้วยนะ ว่าแม่ทำขาย แม่ไปขายตามตลาด

 พิธีกร : เราได้เห็นภาพนั้นไหม

บูม : เราไม่ได้เห็น เพราะเราไม่รู้เลยว่าแม่อยู่ที่ไหน เราเลยรู้สึกว่าเราทนไม่ได้ เพราะแม่เราเคยเป็นแบบทุกคนเข้าหา ได้เงินเดือนใช้แบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่พอวันหนึ่งทำให้เราเรียนรู้เลยนะ ในวันที่เราไม่มีคนรอบข้างเราเป็นไงบ้าง บูมเลยบอกกับตัวเองเลยว่า ไม่มีวันจะให้แม่ลำบากอีกและอดีตที่ผ่านมาทุกอย่างมีให้เห็นไม่ได้มีให้เป็น เราจะวางแผนชีวิตตัวเราให้เป็นแบบไหนหรือว่าจะทำอะไรขึ้นอยู่กับตัวเราเลย

พิธีกร : คุณแม่มีโรคประจำตัวด้วยใช่ไหม

บูม : ใช่ค่ะ คุณแม่เป็นมีโรคประจำตัว เป็นโรค SLE ตั้งแต่ตอนคลอดบูม

พิธีกร : พอตอนที่เราเริ่มคิดได้ว่าต้องช่วยแม่ปลดหนี้แล้วพาแม่กลับมาอยู่ด้วย เราทำอย่างไร

บูม : ก็มีเหตุการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้นที่ต้องทำให้บูมกลับมาอยู่กับคุณแม่อีกครั้ง บูมไม่ต้องการเงินทอง บูมไม่ต้องการทรัพย์สมบัติของครอบครัวที่ทะเลาะกันมาตั้งแต่รุ่นไหน บูมแค่รู้สึกว่า บูมไม่อยากนอนอยู่บนเตียงเพชร แต่นอนอยู่คนเดียว บูมอยากทำแบบนี้มานานแล้ว อยากไปเที่ยวดึกแค่ไหนไม่ต้องเกรงใจใคร อยากเข้าบ้านอยากเดินใส่กางเกงในคนเดียวรอบบ้านก็ได้ แม่อยากจะนอนตรงโซฟานอนปูพื้นยังไงก็ได้ มันคือสิ่งที่เราหามาโดยที่เรารู้สึกว่า เรามีความสุขจัง ที่ได้ทำให้แม่

พิธีกร : เลยตัดสินใจซื้อบ้านออกมาอยู่กับแม่

บูม : ใช่ค่ะ ตอนนั้นช่วงอะครเรื่อง อังกอร์ ออกอากาศพอดี

พิธีกร : เพิ่งไม่นานเอง

บูม : ใช่ค่ะ ถือว่าเป็นบุญของบูมมาก มันทำให้บูมได้ปลดหนี้ล้มละลายกับเงินก้อนต่อที่เราไม่เคยจับมาก่อน แล้วต้องใช้เงินสด ต้องเดินไปแบงค์เอง แล้วทำให้แม่ได้เป็นอิสระ ได้ไปเที่ยวเมืองนอกไปไหนกับบูมก็ได้หรืออยากจะอยู่บ้านอยากได้รถคันใหม่ทำให้ได้หมดเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ ไม่คิดเลย

พิธีกร : ตอนไปปลดหนี้ล้มละลายให้แม่ แม่เขาพูดกับเราอย่างไร

บูม : เหมือนให้อิสรภาพเขาอีกครั้ง บูมพาแม่ไปพม่าไปไหว้พระกัน บูมคิดว่ามันคือโค้งสุดท้ายของความสุขในชีวิตเขานะ คนที่อยู่ต่อคือตัวเรา เราจะไม่เสียดายวันนี้ที่เราไม่อยากทำอะไรแล้วแบบมาเสียดายว่า วันนั้นน่าจะช่วยเหลือแม่ หรือบูมมีเงินก้อนนั้นที่เราไปปลดหนี้ให้แม่ที่อยู่กับเรา มานั่งคิดว่าเราจะเอาเงินไปทำอะไร ไปซื้อกระเป๋าแพงๆ ไปซื้อสิ่งที่เราอยากได้ อยากได้นาฬิกาอยากจะซื้อนู้น  ซื้อนี่ แต่แม่เราอ่ะได้แต่นอนอยู่บ้านในจังหวะที่เราไปเที่ยวเมืองนอกอย่างสนุกสนาน เรามีความสุขเหรอ

พิธีกร : ขอโทษนะคะ หลักล้านไหม

บูม : หลักล้าน ไม่เยอะมาก แต่หลายล้านค่ะ

พิธีกร : แต่ตอนนี้ หมดแล้วนะ

บูม : หมดแล้วค่ะ แต่ของบูมก็มีหนี้บ้าน บานเลย

พิธีกร : ในเมื่อผ่านตรงนั้นมาแล้ว อยากบอกอะไรกับคนอื่นที่กำลังท้อกับชีวิตบ้าง

บูม : บูมรู้สึกว่าทุกๆปัญหาเข้ามาเหอะ มาเลย มาชาตินี้ให้หมด ชาติหน้าขอสบายแล้ว เพราะทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้นมันทำให้เราเข้มแข็งได้มากขึ้น ทำให้เรียนรู้ รู้จักตัวเองมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับการที่เราได้เรียนรู้และรู้จักตัวเราเองว่าเราชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร คุณค่าของตัวเรายิ่งเรามองเห็นมันมากเท่าไร บูมว่าสิ่งดีดีมันรอเราอยู่เสมอ อย่าไปเสียดายกับการทำให้บุพการี แต่สิ่งหนึ่งที่บูมทดแทนให้เขาไม่ได้คือ บูมให้ชีวิตเขาไม่ได้ เขาให้ชีวิตบูมมา บูมมีแขนมีขา มีภาระกำลัง มีความคิดที่ดี มีรูปร่างหน้าตาในแบบที่คนอื่นอยากได้เพราะว่าเขาให้บูมมา บูมไปขอสิ่งเหล่านี้จากใครไม่ได้ เพราะฉะนั้นบูมเชื่อว่า ทุกปัญหาทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาคนแรกที่เราจะต้องตอบแทนหรือห่วงและดูแลมากที่สุดคือ บุพการีของเรา

ทั้งหมดนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดความรู้สึกจากอีกหนึ่งสาวสตรองจากนักแสดงมากความสามารถคนนี้ “บูม สุภาพร” ที่วันนี้เธอสามารถมาร่วมนั่งเล่าประสบการณ์ที่พลิกผันในชีวิตด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่เข้มแข็งได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถติดตามเรื่องราวของแขกรับเชิญที่จะสลับผลัดเปลี่ยนมา นั่งพูดคุยกันแบบนี้ได้ในรายการ เลดี้พลาซ่า ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ทางช่องเวิร์คพอยท์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า