SHARE

คัดลอกแล้ว

วันที่ 1 ธ.ค. นายเสี้ยว นำพา อายุ 74 ปี ชาว ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูที่ดินที่มีข้อพิพาทต่างฝ่ายต่างแจ้งความบุกรุกกับนายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.คมนาคม บิดา ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โดยนายเสี้ยว ระบุว่า ถูกพ่อของ ส.ส.ราชบุรี นำคนงานเข้ามาล้อมรั้วรุกที่ดินที่ตนเองทำมาหากินมากว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งตนมีหลักฐานการครอบครองที่ดิน และได้ไปแจ้งความที่ สภ.สวนผึ้งและไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่จนตอนนี้เรื่องก็ยังเงียบ จึงได้มาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว

สำหรับที่ดินที่มีปัญหา อยู่ติดกับที่ดินของนายทวีกว่า 600 ไร่ ใน ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ซึ่งมีการล้อมรั้วลวดหนามไว้ ภายในรั้วมีการปลูกมะพร้าว ส่วนด้านนอกรั้วนั้นมีการทำการเกษตรเลี้ยงหมูแบบครอบครัว ไม่ใช่ลักษณะเป็นฟาร์ม ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นคนละผืนและอยู่คนละฝั่งภูเขากับที่ดินฟาร์มไก่ ของ น.ส.ปารีณา ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ ส.ป.ก.เข้าตรวจสอบที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง ในขณะนี้

นายเสี้ยว กล่าวว่า ที่ดินแปลงของตนมีเนื้อที่เกือบ 50 ไร่ ตนและครอบครัวปลูกอ้อยมาเกือบ 50 ปี เป็นพื้นที่ ภ.บ.ท.5 เสียภาษีบำรุงท้องที่มาตั้งแต่ 2517 แต่หลายปีที่ผ่านมา ถูกอดีตนักการเมืองคนนี้พยายามบุกรุกกินพื้นที่ของตนมาเรื่อยๆ โดยการไถที่ดินเข้ามา แม้แต่ทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนสายราชบุรี – ผาปก ( เส้นจาก อ.จอมบึง เข้า อ.สวนผึ้ง ) และถนนสายราชบุรี-น้ำพุ ก็ถูกไถดินกลบ จนเจ้าของสวนยูคาลิปตัสที่อยู่ติดกันต้องสละที่ดินทำถนนใหม่ผ่าสวนยูคาลิปตัสเพื่อให้ชาวบ้านใช้สัญจร

กรณีที่เกิดปัญหาใหญ่ คือ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.62 หลังตนตัดอ้อยแล้ว อดีตนักการเมืองคนดังกล่าวได้นำคนงานมาล้อมรั้วเข้ามาในที่ดินของตน และปลูกมะพร้าวกินพื้นที่เข้ามากว่า 30 ไร่ ทำให้ตนเหลือที่ดินเพียงแค่ 10 กว่าไร่ โดยเขามาคุมคนงานด้วยตนเอง ตนได้พยายามเข้าชี้แจงว่าพื้นที่เป็นของตน แต่อดีตนักการเมืองคนนั้นต้องการพื้นที่ให้ไปบรรจบที่ดินของเขาที่อยู่เลยไปอีกแปลงให้เป็นแปลงเดียวกัน วันนั้นตนจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.สวนผึ้ง ว่าถูกบุกรุกที่ดิน พร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากอำเภอสวนผึ้งก็เข้ามาตรวจสอบ ยังบอกให้อดีตนักการเมืองหยุดปลูกมะพร้าวไปก่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรเลย เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังบอกตนว่า มีคนมาแจ้งว่าตนเองบุกรุกที่ดินก่อนหน้านี้เหมือนกัน ซึ่งงเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ มาถึงจนทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

ต่อมาตนกับ น.ส.ปราณี และ น.ส.อำไพ นำพา ลูกสาว ซึ่งตนให้ทางป่าไม้ที่เคยมาตรวจสอบที่ดินเปลี่ยนชื่อตนเป็นชื่อลูกสาวทั้งสองเป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว เพราะตนอายุมากแล้ว ลูกสาวเป็นทายาทเพื่อจะได้ใช้ที่ดินประกอบอาชีพต่อ ได้เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.สวนผึ้ง โดยศูนย์ดำรงธรรมได้มีหนังสือขอความอนุเคราะห์ถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ให้มาตรวจสอบข้อมูลตามโครงการสำรวจถือครองเพื่อการจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ก็คือตรวจสอบที่ดินของตน และต่อมาสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) ได้มีหนังสือตอบกลับศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ว่าผลการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ผลปรากฏว่าได้มีการรังวัดตามโครงการสำรวจถือครอง คือ ลูกสาวตนครอบครองเนื้อที่รวมกันประมาณ 50 ไร่ ที่ของ น.ส.อำไพ มีเนื้อที่ 23 -2 – 79 ไร่ น.ส.ปราณี มี เนื้อที่ 23 – 0 – 99 ไร่

หลังจากนั้นตนนำเอกสารไปยื่นให้ตำรวจ แต่เรื่องก็เงียบ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตรวจราชการพื้นที่ราชบุรี ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่ จ.กาญจนบุรี น.ส.ปราณี ลูกสาวตนก็ยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เรื่องก็ยังเงียบ และเมื่อวันที่ 29 พ.ย.62 ส.ป.ก.มาตั้งหน่วยบริการประชาชนเคลื่อนที่ ในเขตปฏิรูปที่ดินปีงบประมาณ 2563 มีชาวบ้านในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง และ ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง ที่ศาลาเอนกประสงค์ อบต.รางบัว ก็นำเรื่องไปแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.เพื่อตรวจสอบ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร

เรื่องที่ตนครอบครองที่ดินแปลงนี้มานานกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ก็รับทราบทุกคน และพยายามไปช่วยเป็นพยานให้ทุกครั้งที่ไปร้องเรียน แต่ทุกวันนี้รั้วที่เขามาล้อมก็ยังล้อมอยู่ไม่ได้มีการรื้อถอน การออกมาเปิดเผยครั้งนี้ถามว่าตนกลัวหรือไม่ ตนบอกเลยว่ากลัวมาก เพราะที่ผ่านมามีชาวบ้านไปร้องเรียนก็จะถูกตามไปคุกคามถึงบ้าน แต่ตนต้องสู้เพราะที่ดินที่เราใช้ทำการเกษตรเลี้ยงปากเลี้ยงครอบครัวมานานจะให้คนอื่นมาแย่งไปอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร ยังมีชาวบ้านที่โดนลักษณะเดียวกันนี้หลายราย แต่ยังไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย ตนเชื่อว่าถ้าตนต่อสู้จนได้ที่ดินกลับคืนมา ก็จะมีชาวบ้านอีกหลายรายลุกขึ้นมาสู้ด้วยแน่นอน

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า