นายทหาร ร้อง บก.ปทส. กู้ซื้อบ้านกรมสวัสดิการทหารบก พบอยู่ในเขตป่าสงวน

ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พา ทหาร 2 นาย เข้าร้องเรียนต่อผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) หลังพบว่าบ้านที่กู้ซื้อกับกรมสวัสดิการทหารบก ราคา 1.5 ล้านบาท ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

วันที่ 19 ก.พ. 63 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายทหารยศร้อยตรี 2 นาย นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการครอบครอบพื้นที่ป่าของกรมสวัสดิการทหารบก ที่นำมาปลูกสร้างบ้านขายให้กับนายทหาร

โดยนายทหารรายแรก เล่าว่า ปี 2559 มีนายหน้าคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารยศจ่าสิบเอก ที่เรียกกันในชื่อ “เจี๊ยบ” เป็นเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการทหารบก มาติดต่อชักชวนพาไปดูบ้าน ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ด้วยความตั้งใจว่าอยากมีบ้านสักหลักจึงตัดสินใจไปดู และได้ทำสัญญาซื้อผ่านนายหน้า โดยนายหน้าจัดการให้ทุกอย่าง เขามีหน้าที่เซ็นต์เอกสารเพียงอย่างเดียว บ้านหลังที่เซ็นต์สัญญาซื้อ คือ บ้านเลขที่ 101 และเขาใช้วิธีกู้เงินจากกรมสวัสดิการทหารบก มาซื้อ 1,500,000 บาท โดยนายหน้าคนนี้บอกว่าจะมีคนเช่าบ้านต่อหลังจากซื้อด้วย โดยทำสัญญาเช่า เดือนละ 2,000 บาท รวม 100 เดือน เป็นเงิน 200,000 บาท

หลังจากนั้นก็ผ่อนบ้านตามปกติ กระทั่งช่วง กรกฎาคม ในปี 2562 ได้ย้ายไปรับราชการที่ จ.พิษณุโลก จึงเดินทางเข้าไปดูบ้าน เพราะอยากจะนำบ้านไปผ่อนต่อกับธนาคารเพื่อลดดอกเบี้ย แต่พบว่าบ้านเป็นคนละหลังกับที่มาดูและทำสัญญาแต่กลายเป็นบ้านเลขที่ 107 ในตอนแรก และสภาพบ้านทรุดโทรมมาก เขาจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.พรานกระต่าย แต่หลังแจ้งความร้อยเวรแจ้งว่า พื้นที่ตั้งบ้านดังกล่าว อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งไม่รับแจ้งความ เพราะเป็นความรับผิดชอบของกรมบังคับคดี จึงสอบถามไปยังกรมป่าไปภาค 4 จนได้ข้อมูลยืนยันว่า เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ

ด้านนายทหารซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า เขาเองก็เป็นกรณีเดียวกัน ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ์ครั้งนี้ เพราะกังวลว่า หากวันหนึ่งเขาผ่อนเงินที่กู้กับกรมสวัสดิการทหารบกหมดแล้ว บ้านที่ดินถูกโอนกรรมสิทธิ์มาแล้ว เขาอาจกลายเป็นผู้บุกรุกที่ป่าสงวนเสียเอง จริงๆ แล้วตอนนี้เขาผ่อนชำระไปแล้วกว่า 500,000 บาท

ด้านนายอัจฉริยะ ระบุว่า ที่ดินแปลงที่นำมาขายให้ทหารนี้ตรวจสอบพบข้อมูลว่ามีคนในกองทัพซื้อไว้ เพื่อนำมาให้ทหารชั้นผู้น้อยผ่อนต่อ ซึ่งกรณีนี้เขาได้เงินทอนมาแค่ 200,000 บาท จากการประเมินราคาบ้าน ในพื้นที่ 30 ตารางวา โดยกรมธนารักษ์ อยู่ที่ไม่เกิน 300,000 บาท แล้วเงินส่วนต่างอีก 1,000,000 บาท หายไปไหน อีกทั้งก่อนหน้านี้นายทหารทั้ง 2 คน ได้ร้องเรียนกับกรมสวัสดิการทหารบก ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ มีหลังสือตอบกลับมาเพียงว่า ยังไม่พบการกระทำความผิด และให้ทั้ง 2 คน ติดตามเรื่องนี้กันเอง ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้มีด้วยกันทั้งหมด 209 แปลง หรือราว 200 ไร่ คาดว่ามีทหาร ชาวบ้านอีกหลายคนที่ซื้อบ้านบริเวณนี้ และเสี่ยงถูกดำเนินคดีรุกป่าด้วย

ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับไปถึงที่มาของโฉนดที่ดิน พบว่า ที่ดินตรงนี้เคยมีธนาคารกสิกรไทยเป็นเจ้าของ โดยรับจดจำนองจากจาก บริษัทเอกชน ก่อนเปลี่ยนมือมาอยู่ในครอบครองของคนในกองทัพบก ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นต้องหาข้อเท็จจริงตั้งแต่เรื่องการออกโฉนดที่ดินของกรมที่ดิน กรมป่าไม้ ธนาคาร รวมไปทั้งกรมสวัสดิการทหารบกในเรื่องของการครอบครองที่ดินนี้ รวมไปถึงผลต่างที่เกิดจากการซื้อขายบ้านด้วย

ด้านพล.ต.ต.วิวัฒน์ ระบุว่า ในกรณีที่ต้องการจะระงับการส่งค่างวดบ้าน จะต้องดูสัญญาที่ทำขึ้นกับทางกรมสวัสดิการทหารบกว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งนี่เป็นเรื่องในทางแพ่งจึงไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ต้องดำเนินการสอบปากคำผู้ร้องเรียน และเอกสารว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่