นายกฯ ‘เศรษฐา’ ย้ำความจำเป็นทำ ‘แลนด์บริดจ์’ หวังไทยเป็นฮับขนถ่ายสินค้าเชื่อมต่อโลก
เวลา 12.00 น. วันนี้ (4 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา และเข้าชี้แจง ร่างพ.ร.บ.งบฯ ปี 67 เรื่องของโครงการแลนด์บริดจ์ โดยสรุประบุว่า เป้าหมายประเทศต้องการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งมีการทำท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังที่ขณะนี้ดำเนินการสร้างไปถึงเฟสที่ 3 ซึ่งปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง 15 ปีข้างหน้า จะต้องใช้เส้นทางขนส่งทางเรือ และช่องแคบมะละกาไม่สามารถที่จะรองรับบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายเศรษฐา ชี้แจงว่า การที่ทำแลนด์บริดจ์เป็นการแบ่งเบาภาระ ศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยขึ้นไปอีก โดยเฉพาะน้ำมันขนส่งทั่วโลก 60% ที่ผ่านช่องแคบมะละกา ถือเป็นสินค้าหลักที่ทั่วโลกมีความต้องการสูง หากช่องแคบมะละกามีความคับแคบเรื่องการขนถ่ายสินค้าก็จะเกิดปัญหา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดีถึงคิดทำแลนด์บริดจ์ และจุดยืนด้านการขนส่ง ประเทศไทยมีความเป็นกลางความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็ยังคงต้องค้าขาย
“ประเทศไทยความที่เราเป็นประเทศที่เป็นกลาง การที่เราเสนอตัวในการทำแลนด์บริดจ์ให้เชื่อมโยงต่อโลกทั้งโลกเข้าด้วยกันประเทศจีนกับประเทศสหรัฐฯ ก็สามารถใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ในการขนถ่ายสินค้าได้อย่างดี” นายกฯ กล่าว
นายเศรษฐา ย้ำด้วยว่า เป็นเรื่องจำเป็น และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉยต่อเสียงของประชาชนในพื้นที่ โดยจะดำเนินการสำรวจความคิดเห็นและรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายฝ่ายค้าน ภาคประชาชน ประชาสังคมและนักธุรกิจทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการเมกกะโปรเจกต์ที่มีความสำคัญโครงการหนึ่งของโลก อีกทั้งยังชี้เห็นถึงข้อดีการทำโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะดึงนักลงทุนเข้ามาสร้างฐานการผลิตในประเทศ อย่าง ซาอุดีอาระเบียที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน อาจจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน นอกจากความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ไทยมีความพร้อมยืนบนโลก ท่ามกลางความขัดแย้งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะการทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้นมา