SHARE

คัดลอกแล้ว

ทนายความ อธิบายข้อกฎหมายกรณีคลิปอาม่าตบเด็กเป็นความผิดลหุโทษยอมความได้ แต่ไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่ไม่มีวุฒิภาวะยับยั้งชั่งใจทั้งที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เด็กตอบโต้เพราะโมโหที่ถูกกระทำก่อน แต่ก็ควรได้รับการอบรมเรื่องความอดทน ย้ำกฎหมายไม่ให้อำนาจไม่พอใจให้ไปตบ

นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ ให้สัมภาษณ์กับ Workpoint News ถึงกรณีคลิปอาม่าตบเด็กที่เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์วันนี้ (20 ธ.ค. 62) ว่า กรณีนี้ยอมความได้ ความผิดเล็กน้อยตบกันไม่ได้สาหัส เป็นการทำร้ายร่างกายกัน จะเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งมีอัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับได้

แต่ถ้ามีรอยฟกช้ำ หรือบาดแผลถึงขนาดที่เป็นอันตรายได้รับบาดเจ็บมากแต่ไม่ถึงสาหัส อัตราโทษจะเพิ่มขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งร่องรอยบาดแผลนี้ต้องให้แพทย์วินิจฉัย

ทนายเกิดผล ชี้ว่า โรงเรียนเป็นสถานที่สาธารณะ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ราชการที่ผู้ดูแลสามารถเชิญบุคคลที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือไม่เกี่ยวข้องออกไปได้ เราไม่สนับสนุน ไม่มีกฎหมายให้อำนาจว่า ไม่พอใจให้ไปตบใคร

“สมมุติถ้าเห็นคนส่งเสียงดัง เราทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าเขาไม่ฟังเรา เราไปใช้กำลังไม่ได้ ต้องบอกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่นผู้อำนวยการ, ครู หรือ รปภ. ให้เชิญออกไป”

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องบันดาลโทสะ ภาพมันอาจจะรุนแรง แต่ทางกฎหมายไม่รุนแรง เป็นเรื่องของผู้หญิงทำร้ายเด็กคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะบาดเจ็บเล็กน้อย หรืออาจบาดเจ็บไม่รุนแรงมาก ก็อาจจะถูกเปรียบเทียบปรับไป ส่วนเด็กอาจถูกว่ากล่าวตักเตือนหรือเปรียบเทียบปรับเล็กน้อย เพราะกระทำด้วยการบันดาลโทสะ เนื่องจากถูกข่มเหงก่อน ถ้าขึ้นศาลเยาวชนอย่างมากก็ว่ากล่าวตักเตือน ไม่ได้รุนแรง

“แต่ภาพออกมาคือความไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรจะไปลงไม้ลงมือกับเด็ก ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน ฝ่ายส่งเสียงดัง ไปรบกวนการสอบ หรืออ่านหนังสือของเด็ก และไม่มีวุฒิภาวะยับยั้งชั่งใจ แต่เด็กผมเข้าใจว่าถูกตบก่อนก็โมโหอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องให้ครู ผู้ปกครอง อบรมเกี่ยวกับเรื่องความอดทนนิดนึง”

(เกิดผล แก้วเกิด ทนายความ)

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า