“เลกาซี่” จัดใหญ่ฉลองความสำเร็จนักมนุษย์เงินล้าน ตอกย้ำกระแสธุรกิจเครือข่ายมาแรงสวนวิกฤต

ธุรกิจเครือข่าย “เลกาซี่” เผยโควิดทำคนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หนุนบริษัทเติบโตต่อเนื่องสวนทางวิกฤต จัดใหญ่ฉลองความสำเร็จนักธุรกิจระดับคราวน์ 9 รหัส

นายวรรณ โชติกะวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลกาซี่ คอร์ป จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทั่วโลก แต่ธุรกิจเครือข่ายอย่างเลกาซี่กลับเติบโตต่อเนื่อง โดยมีคนสมัครเป็นนักธุรกิจของเลกาซี่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ

“คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น เพราะคนอยากทำอะไรสักอย่างมากขึ้น ซึ่งการจะทำอะไรสักอย่าง ต้องทำในสิ่งที่สังคมให้ความสำคัญ โดยทุกวันนี้สังคมให้ความสำคัญมากกับ 2 เรื่อง คือ 1.สุขภาพ โควิดทำให้คนตระหนักเรื่องนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และ 2.คนมองเห็นความสำคัญของการมีรายได้เพิ่ม ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เลกาซี่สามารถตอบโจทย์ได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนเลย” นายวรรณกล่าว

นายวรรณกล่าวถึงปัจจัยความสำเร็จของเลกาซี่ว่า บริษัทเลกาซี่นั้นเปิดขึ้นมาบนแนวคิดที่ว่าตั้งใจจะเป็นธุรกิจเครือข่ายที่อยู่ได้เกิน 100 ปี และนักธุรกิจสามารถส่งต่อไปที่คนรุ่นหลังได้จริงๆ อย่างยั่งยืน นำมาสู่การวางแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในหลายๆ ด้าน โดยเรื่องที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของบริษัท

“เลกาซี่มีการลงทุนแบบไม่จำกัดในเรื่องมาตรฐานสินค้า โดยมีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่วัตถุดิบที่นำมาใช้ กระบวนการต่างๆ ในขั้นตอนการผลิต ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะส่งถึงมือผู้บริโภค เราใช้พละกำลังและความพยายามมากในการคัดกรองสินค้าให้มีคุณภาพสูงสุด”

วรรณ โชติกะวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลกาซี่ คอร์ป จำกัด

ทั้งนี้ แนวทางพัฒนาสินค้าดังกล่าวของเลกาซี่นั้นเรียกว่า 3 High คือ High Innovation มีนวัตกรรมที่ดี, High Quality มีคุณภาพดี และ High Care คือแคร์ผู้บริโภคมากกว่าผลกำไร โดยมองว่าถ้าสินค้าดี สุดท้ายธุรกิจก็จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน

“นอกจากนี้เรายังรับฟังนักธุรกิจที่เป็นทั้งผู้บริโภคและเป็นลูกค้าของเรา ทำให้เราผลิตสินค้าที่ดีที่สุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ของเราคือ ผลิตสินค้าให้คนที่เรารักใช้ ดังนั้นสินค้าเราจะต้องมีคุณภาพดี เมื่อสินค้าคุณภาพดี ไม่เพียงแต่จะมีการซื้อซ้ำเกิดขึ้น แต่เราจะบอกต่อโดยธรรมชาติ และแบ่งปันสินค้านี้ให้กับคนอื่น”

นายวรรณกล่าวว่า ไม่เพียงเท่านั้น แต่เลกาซี่ยังมีระบบนิเวศที่สามารถดูแลนักธุรกิจระยะยาวได้ ตั้งแต่เรื่องการกิน ทั้งจากโปรดักต์ของเลกาซี่ และครัวอาหารสุขภาพ มีร้านกาแฟ ที่นักธุรกิจมาใช้จ่ายแล้วจะได้รับ PV ที่สามารถนำไปแลกเป็นรายได้ได้ มีโคเวิร์กกิ้งสเปซให้นักธุรกิจมานั่งทำงานได้ ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2 แห่ง คือ ออฟฟิศสาทร และเดอะสตรีท รัชดา ที่หากได้รับความนิยมก็จะขยายเพิ่มอีก

“เลกาซี่ยังมีแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองซึ่งเป็นที่ถูกใจของนักธุรกิจ ในอีโคซิสเต็มยังมีระบบสนับสนุนมากมาย เช่น Reward Point จากการใช้จ่าย ซึ่งสามารถสะสมแล้วนำไปแลกของได้มากมาย เรียกว่าเราดูแลวิถีชีวิตนักธุรกิจตั้งแต่แรกไปจนถึงเกษียณ”

นอกจากนี้ เลกาซี่ยังมีระบบการเรียนการสอนแบบมีโค้ชให้ ที่จะสอนตั้งแต่ความรู้เรื่องสินค้า การวางแผนธุรกิจ การพัฒนาบุคลิกภาพ ซึ่งสอนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สอนจนกว่าจะมีรายได้ เรียกได้ว่าเป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ที่ทำธุรกิจกับเลกาซี่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่ยาก และไม่ต้องใช้ต้นทุนมากแบบธุรกิจอื่น ทำให้ใครๆ ก็สามารถทำธุรกิจได้

ทั้งนี้ นอกจากมีผู้สมัครเข้ามาทำธุรกิจเพิ่มขึ้นแล้ว นักธุรกิจของเลกาซี่ก็ประสบความสำเร็จมากด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดเลกาซี่ได้จัดงาน Crown Recognition Day หรือพิธีประดับเข็มและประกาศเกียรติคุณนักธุรกิจระดับ Crown ซึ่งเป็นระดับที่ประสบความสำเร็จสูงมาก จำนวน 9 รหัส พร้อมดินเนอร์ฉลอง เพื่อแสดงความยินดีกับผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเลกาซี และสร้างแรงบันดาลใจให้กับครอบครัวเลกาซี่มุ่งสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน

โดยนายธนะสิทธิ์ พรสิริกุลนันท์ หนึ่งในนักธุรกิจระดับ Crown ของเลกาซี่ ผู้สร้างรายได้จากการทำธุรกิจเครือข่ายไปแล้วกว่า 450 ล้านบาท กล่าวว่า ตนเคยทำงานเป็นเภสัชกรที่สำนักงาน อย. และเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายเพราะต้องการหารายได้ไปเปิดร้านขายยา แต่เมื่อมีรายได้ดี และเห็นว่าเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงพวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่ ทำให้มองเห็นโอกาส จึงลาออกจากราชการมาทำธุรกิจเครือข่ายเต็มตัว

ธนะสิทธิ์ พรสิริกุลนันท์ หนึ่งในนักธุรกิจระดับ Crown ของเลกาซี่

“ถ้าจะเปิดร้านขายยา เหมือนเราเอาทั้งชีวิตไปแลก แต่เลกาซี่ไม่ทำให้เราเป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้คือการต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจศึกษา สร้างความเป็นมืออาชีพ ผมใช้เวลา 4 ปี ถึงจะมีเงินล้านได้ แต่บางคนเข้ามาทำเพียงไม่กี่เดือนก็ท้อแล้ว”

ด้านนายปริญ และนางปานรดา จารุกุลวนิช อีกสองนักธุรกิจ Crown ที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจนั้นเริ่มมาจากการมีปัญหาสุขภาพ และเริ่มมาดูแลตัวเอง จนคนเริ่มสนใจในวิธีการดูแลตัวเองของทั้งคู่ ทำให้มองว่าจริงๆ แล้วก็สามารถเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เป็นเงินได้

โดยทั้งคู่มองว่าแม้ตอนนี้เลกาซี่จะมีผู้สมัครเป็นนักธุรกิจเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเทียบกับเป้าหมายเป็นองค์กร 100 ปี คนที่เข้ามาตอนนี้หรือในช่วงนี้ก็ยังเป็นรุ่นแรกๆ และมีโอกาสสูงมากในการเติบโต แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้ามาเรียนรู้ เพราะการเรียนรู้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้

ขณะที่นายชีวาวัชญ์ จรัสนิรัติศัย ผู้ผันตัวเองจากอาชีพนักข่าวมาเป็นนักธุรกิจเครือข่าย ที่เป็นอีกรายที่ก้าวถึงระดับ Crown แล้ว ระบุว่า โควิดทำให้คนหาเงินได้ยากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือเครื่องมือที่ใช้ในการหาเงิน ซึ่งเราต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ในธุรกิจที่ทำเงินได้

“ยุคนี้คนสนใจสุขภาพ และเลกาซีนั้นพูดถึงสุขภาพ เราพูดถึงการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ การออกกำลังการ มีสุขภาพแข็งแรง และมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งการจะทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องเชื่อว่าเราทำได้ มีความรู้ ในเรื่องสุขภาพดี เราก็ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน เพราะในเลกาซี่เราพูดแต่ความจริง เราจริงใจ สิ่งที่เราจะบอกกับคนอื่น เป็นสิ่งที่เป็นเรื่องจริง และอยากให้คนที่เราบอกต่อได้รับสิ่งที่ดีจริงๆ”