SHARE

คัดลอกแล้ว

มาทำความรู้จักตัวตน ‘เล็ก พงษธร’ ศิลปินผู้หลงใหลในการถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทเพลง

เล็ก-พงษธร กำบัง’ หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในฐานะ เล็ก The Voice Thailand Season 7 หนุ่มประมงจากเมืองเพชรบุรี ที่สามารถชนะการแข่งขันไปด้วยคะแนนถล่มทลายถึง 86% สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ หลังจากที่เขาสามารถคว้าตำแหน่ง แชมป์ The Voice Thailand Season 7 ไปได้ไม่นาน ก็ได้จับปากกาเซ็นสัญญาเข้าไปเป็นศิลปินภายใต้สังกัด Universal Music Thailandต่อทันที โดยที่ผ่านมา เล็ก พงษธร ได้ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านน้ำเสียงที่นุ่มลึก และบาดใจ ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันแบบไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น เพลง ลืมตา, หลับตา, ไม่มีอีกแล้ว, นักรักหน้าจอ, เฟซบุ๊กทุกข์ใจ, ของจริง, พระจันทร์ที่ไม่เต็มดวง และซิงเกิลใหม่ล่าสุดในเพลง ‘ฟ้าผ่า’

วันนี้ workpointTODAY PLAY ได้พูดคุยกับ ‘เล็ก พงษธร’ ถึงเรื่องราวบนเส้นทางศิลปินของเขา พร้อมพูดคุยถึงที่มาของซิงเกิลใหม่ ‘ฟ้าผ่า’

จุดเริ่มต้นในการร้องเพลงของ เล็ก พงษธรมาพร้อมกับถ้วยรางวัลถ้วยแรก

 “จุดเริ่มต้นของการร้องเพลงเหรอพี่ ก็ตั้งแต่ประมาณ ป.3-ป.4 ครับ ครูจับประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง  คือผมไม่ได้ร้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ครูเขาจับประกวดครับ ก็ประกวดครั้งแรกก็ได้ที่ 1 เลยครับ น่าจะเป็นงานพวกลานแอร์อะไรแบบนี้ครับ ยังจำได้เลยพี่ มันเป็นลานอยู่แถวชะอำ”

ผ่านไปไม่นาน ‘เล็ก พงษธร’ ก็ได้เริ่มมีความฝันที่อยากจะเป็นศิลปิน “ความคิดนี้มันเกิดขึ้นช่วง ม.3-ม.4 ครับ ด้วยความที่เราเป็นเด็กด้วยแหละ มันเลยมีความคิดที่ว่า เอ่อ.. อยากเป็นนักร้อง อยากมีเพลงเป็นของตัวเอง แต่ว่าคงไปไม่ถึงหรอก เพราะว่าตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แค่คิดไปเอง จินตนาการไปเองครับ จริง ๆ ความฝันนี้มันเกิดจากการที่เราไปเห็นศิลปินครับ เราไปดูศิลปินก็ตอนนั้นมันก็มียูทูบนะ แต่สมัยผมเขาเล่น Hi5 อยู่ ผมทันช่วงนั้น จริง ๆ มันมีองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างครับ เราเริ่มเล่นคอมเป็น เริ่มเข้าร้านเกม มันก็จะมีอะไรให้เราดู ผมก็เริ่มหาอะไรดูไปเรื่อยครับ แล้วในสมัยนั้น Room39 คือมันเป็นช่วงที่เขายังอยู่เมืองนอกอยู่ มันเป็นยุค Cover แรก ๆ เลยด้วย นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นจุดหนึ่งของผมเลยครับ คือผมเห็นแล้ว โอโห้ พี่เขาร้องเพลงดีจัง อยากเป็นแบบพี่เขาบ้าง”

 ‘เล็ก พงษธร’ ในวัย 24 ปี ก็สามารถคว้าความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินเอาไว้ได้ ผ่านการคว้าตำแหน่งแชมป์ The Voice Thailand Season 7

“ถ้าเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางศิลปินเลยก็น่าจะเป็นตอนที่ผมส่งคลิปมารายการ The Voice ครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยส่งไปแล้วนะ น่าจะเป็นซีซั่น 5 ครับ แต่ผมไม่ผ่านครับ ผมเลยทิ้งช่วงมาประมาณ 2-3 ปี ระหว่างนั้นผมก็ออกเรือบ้าง แล้วก็ผมเรียนอยู่ด้วยครับ เรียนมหาลัย แล้วก็มีไปร้องเพลงบ้าง ตามร้านต่าง ๆ ครับ แล้วก็ตัดสินใจส่งอีกรอบ แล้วมาผ่านเอาตอนซีซั่น 7 เลยได้เข้ามาสานฝันต่อครับ หลังจากนั้นผมก็เริ่มเดินบนเส้นทางนี้แบบจริง ๆ จัง ๆ เลย ก็เริ่มมาจากรายการ The Voice นี่แหละครับ ตอนที่ผมรู้ว่าออดิชั่นผ่านมันแบบสุดยอดอะ มันเป็นฟีลที่แบบกรี๊ดแตก กรี๊ดลั่นบ้านอะ นี่คือผ่านรอบแรกนะ รอบที่เราต้องกรอกหมายเลขในเว็บ เพื่อเช็คผลว่าเราผ่านไหม พอผมคลิกเข้าไปมันขึ้นว่า คุณผ่านเข้ารอบ เป็นตัวหนังสือสีเขียว โอโห เท่านั้นแหละผมกรี๊ดลั่นบ้านเลย (หัวเราะ)”

สำหรับ ‘เล็ก พงษธร’ รายการ The Voice Thailand เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เขามีไฟที่จะเดินตามความฝันต่ออีกครั้ง “ที่ผมตัดสินใจสมัครรายการนี้ มันเริ่มจากการดูรายการ The Voice นี่แหละครับ สำหรับผมตอนนั้นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้า หรือแรงบันดาลใจมันเยอะครับ  เพราะว่าเราดูรายการ The Voice แล้วเรารู้สึกมีพลังครับ เขาทำได้เราก็ต้องทำได้ ประมาณนั้นครับ ผมเลยตัดสินใจส่งคลิปเข้าไป”

หลังจากที่ผ่านเข้ารอบออดิชั่นไปได้ อีกหนึ่งสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับ ‘เล็ก พงษธร’ นั้นก็คือการร้องเพลงต่อหน้ากรรมการ “การไปร้องเพลงต่อหน้ากรรมการ เจ้าของรายการ นั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับผม แล้วก็ตื่นเต้นมากด้วย มันตื่นเต้นจนบางอย่างผมก็ลืมนะ เหมือนเราเข้าไปแปปเดียวอะ แล้วพอออกมาแล้ว มันรู้สึกว่า เฮ้ย นี่เราออกมาแล้วเหรอ คือภาพมันเกิดขึ้นไวมากครับ แต่พอประกวดจบผมมองว่าสิ่งที่ท้าทายมาก ๆ อีกอย่างนึงก็คงเป็นการเข้าสู่วงการเพลงเป็นเต็มตัวนี่แหละครับ การเข้าค่ายเป็นความท้าทายของผมมาก ๆ เพราะผมไม่รู้ระบบอะไรเลย ผมเป็นเด็กบ้านนอกที่ได้สานฝันตัวเองสำเร็จบนเวที The Voice พอได้เข้าค่ายUniversal Music Thailand มาผมก็ไม่ได้รู้เลยว่าระบบเขาเป็นยังไง มันก็เลยรู้สึกตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูกครับ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง อันไหน 1 อันไหน 2 อันไหน 3 มันเลยท้าทายมาก ๆ สำหรับผม”

สำหรับ ‘เล็ก พงษธร’ การถ่ายทอดอารมณ์ที่ชัดเจน เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของการร้องเพลง

ผมมองว่าการถ่ายทอดอารมณ์ออกไปให้ผู้ฟังเข้าใจได้มากที่สุด นี่แหละคือเสน่ห์ของการร้องเพลงครับ ถ้าคนฟังสามารถเข้าถึง และรู้สึกได้ว่าเรากำลังจะสื่อสารอะไร นั่นแหละครับคือเสน่ห์ที่แท้จริง ถ้าจะให้ยกตัวอย่างชัด ๆ ก็เหมือนกับที่เราฟังเพลงของ พี่ปู พงษ์สิทธิ์ ครับ คือด้วยความที่เขาร้องเพลงเพื่อชีวิตด้วยแหละ อย่างผมเนี่ย ผมเป็นคนบ้านนอก ผมก็ฟังเพลงเพื่อชีวิตอยู่แล้ว แล้วซึ่งการถ่ายทอดบทเพลงเพื่อชีวิต เนื้อร้องมันเกิดจากชีวิตจริง คือเขาเขียนจากชีวิตจริงอะครับ มันก็เลยรู้สึกอินง่าย และเข้าถึงง่ายครับ มันเลยทำให้ผมอยากทำเพลงแนวอารมณ์ครับ มีอารมณ์ทั้งอารมณ์รุนแรง และอารมณ์อ่อนไหวครับ ส่วนใหญ่ผมชอบเพลงแนวอารมณ์ ถ้าอยากจะทำอะนะ แต่จริง ๆ ผมก็ทำออกมาอยู่นะ แต่ในส่วนของผมมันจะเป็นแค่เปอร์เซ็นต์ส่วนน้อยครับ ที่เราได้ถ่ายทอดออกไป คนยังไม่รู้จักเราอีกเยอะครับ

ที่ผ่านมา ‘เล็ก พงษธร’ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปิน ที่ใช้บทเพลงเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกแทนใจคนฟังอยู่เสมอ ซึ่งในซิงเกิลใหม่ล่าสุดอย่างเพลง ‘ฟ้าผ่า’ ก็ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของ‘เล็ก พงษธร’ ที่ต้องการจะส่งไปให้ถึงคนที่กำลังประสบปัญหาในชีวิตเช่นกัน

‘ฟ้าผ่า’ บทเพลงที่อยากจะส่งไปให้ถึงคนที่กำลังเจอปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต

“สำหรับเพลงฟ้าผ่ามันมีที่มาจากปัญหาครับ ปัญหาของตัวเองที่เจอด้วย ปัญหาของคนรอบข้างด้วยครับ ส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะเจอปัญหาเวลาที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ปัญหามันไม่บอกหรอกครับว่ามันจะมาเมื่อไหร่ มันก็เหมือนฟ้าผ่าแหละ ฝนตก ๆ กางร่มเดินอยู่ข้างนอกฟ้าผ่าตายแบบนี้ก็มีเยอะแยะ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าฟ้าจะผ่าลงมาเมื่อไหร่ มันก็เหมือนกับปัญหา เราก็ไม่มีวันรู้ นอกจากมันเข้ามาให้เราเจอแล้ว เราถึงจะรู้ว่านี่แหละคือปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ผมยกตัวอย่างเช่น โควิดที่ผ่านมา ตั้งแต่เฟสแรก ทุกคนโดนหมด โดนกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ดี ๆ เขาก็ประกาศ ปึ๊ม งานถูกยกเลิก พ่อค้า-แม่ค้า ขายของไม่ได้ นี่แหละคือปัญหาชีวิต แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่ที่เราแล้วว่า เราจะสู้ไปกับมันไหม หรือว่าเราจะยอมแพ้มัน แต่ในเพลงของผมมันก็จะบอกไว้ว่า ขอแค่คนเข้าใจสักคน แล้วก็สู้ต่อไป ท้อได้แต่เราห้ามถอยครับผม”

‘NAMEMT’ แรปเปอร์หนุ่มที่มาช่วยตอกย้ำความหมายของเพลง ‘ฟ้าผ่า’ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

“สำหรับพี่เนม ผมกับทางทีมงานเราก็ช่วย ๆ กันเลือกนะ เพราะว่าพี่เนมเป็นคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต แล้วก็ด้วยน้ำเสียงการแรปของพี่เนมเองด้วย มันกระแทกกระทั้น ผมคิดว่ามันน่าจะเข้าถึง แล้วก็สามารถทำให้เพลงนี้ดูมีมิติมากขึ้นครับ แล้วก็ด้วยไรม์ที่เขาเขียนออกมาด้วยครับ คือพอเราส่งเพลงไปให้พี่เนม โดยที่เราไม่ต้องบรีฟอะไรพี่เนมเลย ซึ่งพี่เนมเขาก็ตีโจทย์ออกมาในแบบของเขา แล้วซึ่งมันใช่ มันใช่ทั้งหมดเลย มันสะท้อนให้เห็นชีวิตจริง ๆ ผมก็เลยมีโอกาสได้เข้าห้องอัดกับพี่เนม 2 วันเราเข้าห้องอัดกันเลย เขียนเนื้อแรปแค่วันเดียวเองครับ ผมชอบมาก เป็นเนื้อที่กระแทกกระทั้น แล้วก็โดนใจครับ ทำให้ตอกย้ำความหมายของเพลงเข้าไปอีก แต่ตอกย้ำในที่นี้คือ ให้มึงสู้นะ ไม่ใช่ให้มึงถอย ประมาณนี้ครับ”

ถ้าคุณเข้าใจความหมายในมิวสิควิดีโอเพลง ‘ฟ้าผ่า’  นั้นก็แปลว่าคุณก็เคยเจอปัญหาที่เข้ามาในชีวิต

“ในเอ็มวีนี้ มันจะมีตัวละครหลักอยู่ 3 ตัว คือมีช่างไฟ ที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว หรือคนข้างหลังต่อให้จะเหนื่อย มือจะเป็นแผลแค่ไหน ก็ต้องสู้ ก็ทำต้องอดทน มันก็คือปัญหาที่เข้ามานั้นแหละครับ ส่วนตัวละครอีก 2 ตัวเนี่ย ผมมองว่ามันสามารถตีความหมายได้แตกต่างกันออกไปนะ แล้วแต่คนดูว่าคุณเข้าใจในสิ่งที่เอ็มวีได้สื่อไหม ถ้าคุณเข้าใจ นั้นก็แปลว่าคุณก็เคยเจอปัญหาที่เข้ามาในชีวิต เพราะแต่ละคนปัญหาที่เข้ามามันก็แตกต่างกันออกไปครับ ดังนั้นตัวละคร 2 ตัวนี้เลยแตกต่างจากช่างไฟที่มือเป็นแผล เพราะ 2 คนนั้นสามารถตีความได้หลากหลายกว่าครับ อย่างผู้หญิง ก็อาจจะเป็นพนักงานออฟฟิศที่เจอเพื่อนร่วมงานไม่ดี เมื่อไหร่ที่มึงล้ม กูก็จะซ้ำมึง ประมาณนี้ครับ จะด้วยสายตา หรือว่าด้วยกิริยาท่าทางก็ตาม สำหรับอีกคนหนึ่งก็อาจจะหนี้เงินกู้ หรือหนี้อะไรมาสักอย่าง ซึ่งเขาก็พูดอะไรไม่ได้ครับ ก็ได้แค่เก็บเงียบ จนสุดท้ายเขาก็ต้องระเบิดออกมา พอมันระเบิดออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกดีครับ อย่างน้อยก็ยังมีคนเข้าใจ 100 คน มีคนเข้าใจเรา 1 คน ก็รู้สึกดีแล้วนะครับ ดีกว่าไม่มีใครเลย จริง ๆ เอ็มวีนี้มันสื่อได้หลายทางมาก แล้วแต่คนจะตีโจทย์ครับ ดังนั้นเพลงนี้เลยทำให้คนดูได้คิด และจินตนาการตามครับ”

สำหรับ ‘เล็ก พงษธร’ ปัญหาที่เข้ามาในชีวิตก็เป็นเหมือน ‘ฟ้าผ่า’ ที่ไม่เคยส่งสัญญาณเตือนให้เราได้ตั้งตัว แต่ในเมื่อเราหนีมันไม่ได้ เราก็ต้องสู้ต่อไป หากมีใครสักคนที่กำลังคิดว่าตัวเองไม่เหลือใคร อย่างน้อยก็ขอให้เพลง ‘ฟ้าผ่า’  คอยอยู่เป็นเพื่อน และคอยโอบกอดคุณในวันที่คุณต้องเผชิญกับปัญหาคนเดียว “ผมอยากจะบอกว่า ให้พี่ ๆ ทุกคน อย่าไปท้อกับมันนะครับ สู้ ๆ ไอคำว่า สู้ ๆ มันใช้กันบ่อยแล้วนะ ก็อย่างน้อย ๆ ถ้าพี่ ๆ คิดว่าไม่คนอยู่ข้างกาย หรือว่าคนที่คอยรับฟังปัญหา ผมก็ขอให้เพลง ผ่าฟ้า อยู่เป็นเพื่อนพี่ ๆ ทุกคน ทำให้พี่ ๆ ทุกคนรู้สึกดี และมีกำลังใจสู้ต่อไปครับผม”

และในช่วงสุดท้าย ‘เล็ก พงษธร’ ก็ได้ฝากข้อความเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงแฟน ๆ ไว้ว่า ก็อยากจะฝากพี่ ๆ นะครับ ฝากติดตาม ผมก็อยากจะบอกว่า ผมก็จะทำผลงานเพลงเพราะ ๆ หรือผลงานเพลงที่ พี่ ๆ ฟังแล้วจะรู้สึกอินไปกับผม นอกจากนี้ก็ฝากพี่ ๆ FC ทุกท่านนะครับ ฝากติดตามช่อง Lek pongsatorn บนยูทูบนะครับ ก็ฝากไปกดติดตาม กด subscribe ให้เล็กหน่อย ส่วนข่าวสารเกี่ยวกับตัวของเล็ก ก็สามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ Lek pongsatorn เหมือนกันครับ ส่วน IG ก็ Lek pongsatorn ครับ  แล้วก็มีอีกเพจนึงก็ฝากพี่ ๆ ด้วยนะครับ บางท่านยังไม่ทราบว่าผมขาย อาหารทะเล และลูกชิ้นปลาระเบิดสูตรพรีเมี่ยม อยู่ที่แฟนเพจ เล็ก ประมง ครับ สามารถไปอุดหนุนเล็กได้นะครับ ก็ทำ 2 อาชีพครับพี่ ค้าขาย กับร้องเพลง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า