SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์เงินเฟ้อ ต้นทุนพุ่ง ทำให้ช่วงที่ผ่านมาสินค้าหลายอย่างปรับราคาขึ้นตามกันเป็นแถว ทั้งหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงสินค้าความงามด้วย

โดย ‘ลอรีอัล ประเทศไทย’ ยอมรับว่าได้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นเล็กน้อย จากปัจจัยเงินเฟ้อและการขึ้นเงินเดือนพนักงานเพื่อรับกับสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นด้วย

“แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ใช่รายเดียวที่ปรับราคา คนอื่นอาจจะขึ้นราคาหนักกว่าเราด้วยซ้ำ ทั้งนี้ เราเป็นรายใหญ่ที่หากปรับราคาสินค้าขึ้น ก็จะมีรายอื่นๆ ปรับตามมา ดังนั้นการขึ้นราคาแต่ละครั้งเราจึงมีการพิจารณามาอย่างดีแล้ว” แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับขึ้นราคาสินค้า (ทั้งลอรีอัลและแบรนด์อื่น) แต่แนวโน้มอุตสาหกรรมความงามของทั้งไทยและทั่วโลกยังส่อแววสดใส สะท้อนจากตัวเลขปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตต่อเนื่อง

โดยปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดความงามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่อง 6% โดยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 9.4 ล้านล้านบาท โดยส่วนแบ่งทางการตลาด ดังนี้

-กลุ่มสกินแคร์ 41%

-กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 22%

-กลุ่มเมคอัพ 16%

-กลุ่มน้ำหอม 11%

ส่วนลอรีอัลนั้นเรียกได้ว่ายังคงยืนหนึ่งในฐานะผู้นำบริษัทความงามในตลาดโลก ด้วยตัวเลขการเติบโตต่อเนื่องที่ 10.9% คิดเป็นมูลค่า 3.83 หมื่นล้านยูโร และทำยอดขายรวมทั่วโลกได้สูงถึง 7,000 ล้านชิ้น

โดยธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลอรีอัลขยายตัว 8.9% คิดเป็นสัดส่วน 28% ของรายได้ทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านดิจิทัล ซึ่งในไตรมาส 1/2566 ยังเติบโตแข็งแกร่งที่ 13%

ส่วนภาพรวมตลาดความงามในไทย ปี 2565 มีการเติบโต 9.5% มูลค่ารวม 1.49 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็น

-กลุ่มสกินแคร์ 60%

-กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 20%

-กลุ่มเมคอัพ 14%

-กลุ่มน้ำหอม 6%

ขณะที่ลอรีอัลในไทยเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก โดยได้ครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง นำโดยแบรนด์การ์นิเย่ (Garnier) ที่เป็นแบรนด์ความงามและดูแลผิวอันดับ 1 ในประเทศไทย และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก (Maybelline New York) อันดับ 1 ในกลุ่มเมคอัพ

ในส่วนกลุ่มน้ำหอมนั้นลอรีอัลได้เติบโตก้าวสู่อันดับ 2 ด้วยน้ำหอมจากแบรนด์ จาก อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (Yves Saint Laurent Beauté) ลังโคม (Lancôme) และ อาร์มานี (Giorgio Armani) จากแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง

นอกจากนี้แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีแบรนด์ ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี ยังสร้างปรากฏการณ์ในการเป็นแผนกที่มีการเติบโตสูงที่สุดในบริษัทถึง 2 เท่าในระยะเวลาเพียง 3 ปี

‘แพทริค’ บอกว่า ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความงาม คือ จำนวนชนชั้นกลางที่มีเพิ่มขึ้น โดยในปี 2030 ประเมินว่าทั่วโลกจะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นถึง 800 ล้านคน ไทยเพิ่มขึ้น 7 ล้านคน

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งมาจากการที่ผู้บริโภคมองหาโปรดักต์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น จนพร้อมที่จะยอมใช้จ่ายมากขึ้น

“นับเป็นความภาคภูมิใจของเราที่ได้ขับเคลื่อนตลาดความงามไทยด้วยแบรนด์ระดับโลก 15 แบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย

“ปัจจัยความสำเร็จนี้มาจากทั้งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่มาจากการวิจัยและพัฒนาระดับโลก การทำงานด้านดิจิทัลเพื่อเข้าถึงเพื่อผู้บริโภคในทุกช่องทาง รวมถึงการทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในการผลักดันแคมเปญเพื่อข้อเสนอที่ดึงดูด และมอบประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยในทุกเซ็กเมนต์” แพทริคกล่าว

สำหรับในปีนี้ ลอรีอัลยังคงมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแพทริคเปรียบแผนการเติบโตในปีนี้ว่าจะเป็นแบบ ‘Unicornus Rex’ หรือลูกผสมระหว่างไดโนเสาร์ T-Rex และยูนิคอร์น ซึ่งหมายถึงการเป็นเปรียบลอรีอัลองค์กรวัยเก๋า เหมือนไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ แต่แข็งแรงและกัดไม่ปล่อย และจะสร้างการเติบโตแบบยูนิคอร์น

โดยลอรีอัลนั้นวางเป้าจะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกๆ ช่องทาง พร้อมจัดแคมเปญการตลาดดึงดูดลูกค้า ส่วนการนำผลิตภันฑ์แบรนด์อื่นๆ เข้ามาวางขายในไทย ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเป็นแบรนด์ไหน ซึ่งต้องดูความเหมาะสมและความพร้อมอีกครั้ง

แพทริคยังตั้งเป้าว่าปีนี้จะต้องเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก และเติบโตให้ได้มากกว่าภาพรวมตลาด เพื่อเอาชนะคู่แข่งและช่วงชิงมาร์เก็ตแชร์ให้ได้มากขึ้น

ลอรีอัลยังให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นให้บริษัทเติบโตควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนพันธสัญญาด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์แบบเติม การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล และการเปลี่ยนผ่านสู่วิทยาศาสตร์สีเขียว

โดยการเปลี่ยนผ่านไปใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบต่อสังคมและโลก แม้จะยังมีความท้าทายคือการมุ่งไปใช้่บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลทำให้ต้นทุนสูงขึ้น อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าผู้บริโภคพร้อมที่จะยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่

“แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราทำได้คือเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยเพื่อความยั่งยืน”

ลอรีอัลพร้อมเติบโตขับเคลื่อนสู่ยุคใหม่ด้วยการพัฒนาอย่างรอบด้าน ผสานอุตสาหกรรมความงามเข้ากับเทคโนโลยี AI และ Data รวมถึงยังทุ่มทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 1,000 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า 3% ของรายได้ต่อปี เพื่อนำเสนอนวัตกรรมความงามอันล้ำสมัยออกสู่ท้องตลาด โดยได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วทั้งสิ้น 561 ชิ้น

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า