มองอีกมุม อยู่อังกฤษ 5 เดือน รักประเทศอื่น หรือเลี่ยงภาษีอังกฤษ

เป็นประเด็นฮอตบนโซเชียล หลัง ‘อุ๋ย บุดดาเบลส’ แชร์ประสบการณ์การเดินทางไปเยือนอังกฤษ ที่ระหว่างทางได้พบกับชาวต่างชาติที่บอกว่าชอบประเทศไทยมากกว่าอังกฤษ โดยเขาใช้ชีวิตด้วยการทำงานที่อังกฤษ 5 เดือน และนำเงินมาใช้อยู่ที่ไทย 7 เดือน

แม้อาจฟังดูไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวต่างชาติจะชื่นชอบประเทศไทย เพราะหลายครั้งที่ประเทศไทยก็ติดอันดับหนึ่งเมืองที่ชาวต่างชาติโหวตให้ว่าน่าอยู่ น่าทำงาน หรือน่าใช้ชีวิตหลังเกษียณมากที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลในเรื่องค่าครองชีพที่ไม่แพงทั้งอาหาร ที่อยู่อาศัย และการแพทย์ เป็นประเทศที่มีสีสัน มีที่เที่ยวหลากหลายรูปแบบ มีธรรมชาติสวยงาม ไปจนถึงผู้คนเป็นมิตร

แต่ถึงอย่างนั้น ความเห็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือการตั้งคำถามว่าชาวอังกฤษรายนี้ รักประเทศไทยอย่างที่ว่าจริงหรือ การทำงานในอังกฤษด้วยระยะเวลา 5 เดือน/ปี แท้ที่จริงเป็นการจงใจเลี่ยงภาษีหรือเปล่า

สาเหตุที่ทำให้ชวนคิดไปแบบนี้ได้ มาจากเงื่อนไขการเก็บภาษีของอังกฤษนั่นเอง

โดยการเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสหราชอาณาจักร มีการเรียกเก็บภาษีในอัตราดังต่อไปนี้

-รายได้น้อยกว่าหรือเท่ากับ 12,570 ปอนด์ ไม่ต้องเสียภาษี

-รายได้ 12,571 – 50,270 ปอนด์ เสียภาษีในอัตรา 20%

-รายได้ 50,271 – 125,140 ปอนด์ เสียภาษีในอัตรา 40%

-รายได้มากกว่า 125,140 ปอนด์ เสียภาษีในอัตรา 45%

และสำหรับพลเมืองสหราชอาณาจักรที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ก็ยังคงเป็นผู้เสียภาษีให้ประเทศเหมือนเดิม หากมาเยือนสหราชอาณาจักรมากกว่า 183 วันต่อปี หรือราวๆ 6 เดือนนั่นเอง

ดังนั้นจึงเท่ากับว่า การเป็นพลเมืองอังกฤษที่อาศัยอยู่ในอังกฤษไม่ถึง 6 เดือนต่อปี ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีได้

อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะเขารักเมืองไทยจริงหรือไม่ ทำไมถึงชอบอังกฤษน้อยกว่า และเรื่องของภาษีทมีความเกี่ยวข้องจริงๆ หรือเปล่า

แต่ที่แน่ประเด็นการทำงานที่อังกฤษเพียง 5 เดือน แล้วเงินก้อนดังกล่าวสามารถนำมาใช้ชีวิตที่ไทยได้เกินครึ่งปี เรื่องนี้ก็สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางค่าแรงและรายได้ได้เป็นอย่างดี

อย่างที่หลายคนแสดงความเห็นในโพสต์ดังกล่าวไว้ว่า คนไทยต้องทำงานทั้งปีเพื่อที่จะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้ในช่วงเวลาแค่ 8-10 วัน หนักไปกว่านั้นคือค่าตอบแทนที่ได้ ยังอาจไม่เพียงพอให้ใช้ชีวิตในประเทศได้อย่างสุขสบายด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดประเด็นนี้ก็คงสะท้อนกลับไปที่การวางนโยบายของหน่วยงานรัฐ ที่จริงอยู่ว่านอกจากจะต้องดูแลเรื่องวีซ่าและภาษีของชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักในไทย เพื่อให้สามารถสร้างเม็ดเงินให้ประเทศได้ อีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือจะทำอย่างไรให้คนไทยเองก้าวพ้นความเหลื่อมล้ำเรื่องรายได้ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

อ้างอิง:

https://www.gov.uk/income-tax-rates

https://www.gov.uk/tax-uk-income-live-abroad/uk-resident

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid034cAwEw83hPRiR9UkZmuju8tvPBQxiF9XcHgU8P8gM59Ut72SZHmyUj1CKJUwPK2ul&id=100044387861024&mibextid=qC1gEa

https://www.forbes.com/sites/laurabegleybloom/2023/01/02/quit-your-job-and-move-abroad-10-cheapest-places-to-live-in-the-world/?sh=2a8fb3fa52a8