รีวิว ‘Love to Hate You: ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด’ ซีรีส์ 10 ตอน สนุก ตลก และมีอะไรมากกว่าที่คิด 

รีวิว ‘Love to Hate You (ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด)’ ซีรีส์ 10 ตอน สนุก ตลก และมีอะไรมากกว่าที่คิด 

Love to Hate You ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด ซีซั่น 1 เป็นซีรีส์เกาหลีใหม่จาก Netflix ที่รวมความสนุกเบา ๆ ไว้ใน 10 ตอน แต่ซ่อนประเด็นที่หนักไม่เบาไว้ข้างในด้วยอย่างกลมกลืนกำลังดีแบบไม่รู้สึกถึงยาขม

เรื่องย่อ Love to Hate You

Love to Hate You เป็นเรื่องราวของ ยอมีรัน (รับบทโดย คิมอ๊กบิน) ทนายสาวผู้รักความยุติธรรม รักอิสระ ชอบลงโทษผู้ชายเลว และเก่งรอบด้านโดยเฉพาะการต่อสู้ ได้มาเจอกับ นัมคังโฮ (รับบทโดย ยูแทโฮ) นักแสดงหนุ่มระดับเอลิสต์ที่ ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ นักแสดงยอดนักรัก แต่เกลียดผู้หญิง จนจะอ้วก (จริง ๆ) แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเห็นด้านร้ายที่ต่างกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นชื่นชม ทำให้เธอมุ่งมั่นจะเปิดโปงเขาให้ได้ แต่ทุกอย่างก็ทำให้เขาทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกที

ที่จริงแล้ว Love to Hate You นั้นก็ให้ฟีลละครคู่กัดกลายเป็นคู่รักที่ผู้ชมคุ้นเคยดี แต่เมื่อเรื่องราวความรักแบบเบา ๆ กลืนง่ายมาถูกจังหวะในช่วงที่ไม่ได้มีซีรีส์โดดเด่นมากนัก ก็ทำให้มันหลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดูเพลินไม่น้อยเลย แต่นอกจากความสนุกจังหวะโบ๊ะบ๊ะของพระนาง (และเพื่อนพระเอกกับพระเอกด้วย) ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแล้ว เรื่องยังซ่อนประเด็นสังคมไว้ได้อย่างกลมกลืนอีกด้วย

ประเด็นสังคม ใน Love to Hate You 

สองประเด็นสังคมที่ผูกโยงกับตัวละครในเรื่องอย่างชัดเจน คือปมในใจของยอมีรันในเรื่อง ที่เกิดจากพ่อที่มีแนวคิดโบราณและกดทับผู้หญิง ทั้งแม่ของเธอและตัวเธอเอง รวมไปถึงการเจอผู้ชายนิสัยไม่ดี หลายใจ ตาแก่ที่จ้องจะลวนลามเด็ก ๆ เป็นต้น ซึ่งทำให้เธอเลือกที่จะลงโทษผู้ชายในแบบของเธอ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้หญิงเกาหลีจำนวนมากต้องเจอเป็นประจำ

แต่การที่ยอมีรันเลือกที่จะลงโทษผู้ชายด้วยการหลอกให้รัก ยั่วให้คบ เพื่อแก้แค้นแทนผู้หญิงทั้งหลาย อาจจะเป็นสิ่งที่สื่อโดยตรงกับปัญหาการใช้ความรุนแรงจากคนรัก อย่างที่มีการรายงานว่า 46% ของคดีความรุนแรงต่อผู้หญิงนั้นเกิดจากคนรัก

แต่เรื่องก็ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงเป็นเหยื่อเพียงอย่างเดียว แต่สร้างสมดุลด้วย ปมในใจของนัมคังโฮที่ไม่ไว้วางใจผู้หญิง คิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกนักขุดทอง สนใจผู้ชายที่ฐานะเหมือนกับแม่ของเขาที่ไม่ได้รักพ่อ หรือแฟนเก่าที่ทิ้งเข้าอย่างเลือดเย็น จนทำให้ป่วยทางใจเป็นโรครังเกียจผู้หญิง ซึ่งอาจจะสื่อถึงแนวคิดของผู้หญิงเกาหลีที่เรื่องเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคู่ โดยมีรายงานว่า ‘92.7% จากกลุ่มตัวอย่างหญิงโสด 1,324 คน คิดว่าความสามารถทางการเงิน (financial capability) เป็นเรื่องสำคัญในการเลือกคู่สมรส’ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเรื่องเงินก็นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชีวิตคู่ และสถิติที่เห็นจะไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นการเลือกคนรักจากฐานะล้วน ๆ เหมือนกับที่คังโฮระแวงในเรื่อง แต่ก็อาจจะเป็นหนึ่งจุดที่ทำให้ปมซึ่งดูเบา ๆ นั้นดูหนักแน่นขึ้น

[เนื้อหาในบทความต่อจากนี้อาจเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนในซีรีส์]

แต่การคลี่คลายปมระหว่าทั้งสองก็เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นอีกครั้ง ว่าซีรีส์เกาหลีนั้นไม่เพียงแต่สะท้อนแต่ชี้นำสังคม คือการสารภาพรักกลาย ๆ ของนัมคังโฮต่อหน้าครอบครัวของมีรัน

“ผมนับถือคุณมีรันครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากคุณมีรันอยู่ครับ เธอมีความยุติธรรมและกล้าหาญ ทำเรื่องดี ๆ แต่ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องพิเศษ […] เธอเป็นผู้หญิงที่เท่ที่สุดที่ผมเคยเจอตั้งแต่เกิดมาเลยครับ” 

และการที่เขาพูดซ้ำอีกครั้งว่าเขานับถือมีรัน และมันกลายเป็นสิ่งที่ปลดล็อคหัวใจของเธอได้อาจจะเป็นสิ่งที่สื่อว่า สิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการมากที่สุด คือผู้ชายที่เคารพและชื่นชมเธอในแบบที่เธอเป็น โดยเฉพาะในสังคมที่สิทธิผู้หญิงเป็นสิ่งที่ยังต้องต่อสู้เพื่อได้มา เหมือนกับที่ปกหลังของหนังสือที่แม่มีรันเขียนไว้ว่า

“การต่อสู้ทางชนชั้นอาจจะดูง่ายกว่าเสียอีก เพราะการขูดรีดเป็นอะไรที่เห็นได้ชัด แต่ถ้าศัตรูคือครอบครัวของเรา ชีวิตของอึนฮีจะทำให้เรารู้ว่าความสุขสงบของครอบครัว ไม่ชอบธรรมเพียงใดในสังคมปิตาธิปไตย”

Love to Hate You ยี้ให้หนัก รักให้เข็ด ซีซั่น 1 จึงเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่แม้จะทำให้เรายิ้มได้แต่ก็มอบอะไรไว้ให้เราใคร่ครวญด้วยเช่นกัน

อ้างอิง

• https://english.hani.co.kr/arti/english_edition/e_national/1056632.html
• https://workpointtoday.com/singles-inferno-netflix/