ทำความรู้จักปรากฎการณ์ Lying Flat เมื่อคนรุ่นใหม่ในจีนถามแรง “ทำงานหนักไปทำไม?” เมื่อสังคมที่เป็นอยู่ไม่มีโอกาสให้ลืมตาอ้าปาก
แนวคิดในอดีตที่ท่องตามๆ กันมาอย่าง “ทำงานหนักตอนนี้ สบายตอนหน้า” หรือ “อดทนทำงานไว้ก่อน อนาคตจะได้สบาย” เคยขายได้ถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อน แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่ทั่วโลกเริ่มหันมาตั้งข้อสงสัยว่าเอาเข้าจริงอดทนตอนนี้จะสบายตอนหน้าจริงหรือ?
TODAY Bizview พาไปดูปรากฎการณ์ Lying Flat ในจีน หาต้นเหตุของการที่คนรุ่นใหม่เริ่มปล่อยเกียร์ว่างให้กับการดิ้นรนเพื่อความสำเร็จ และถอดบทเรียนชีวิตการทำงานให้กับแรงงานทั่วโลก
[ Lying Flat เมื่อสังคมนอนราบ ]
ไม่นานมานี้ South China Morning Post เขียนบทความนำเสนอภาพความเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่งในจีนคือ Lying Flat มาจากคำว่า ถั่ง-ผิง (躺平) ในภาษาจีน แปลตรงตัวว่า ‘นอนราบ’
ปรากฏการณ์นอนราบ หมายถึง ภาวะที่คนรุ่นใหม่ที่เป็นคนชนชั้นกลางในจีน หมดความทะเยอทะยาน มีความคิดที่จะเลิกอุทิศตัวให้กับงานหนัก เพราะทำงานหนักไปก็เท่านั้น หมดความหวังที่จะเลื่อนชนชั้นทางสังคม
จากเดิมที่สังคมเคยพร่ำบอกให้ตั้งใจเรียน อดทนทำงาน ก่อร่างสร้างตัว สร้างครอบครัว ซื้อบ้าน คนจำนวนไม่น้อยจึงเริ่มหันหลังและนอนราบให้กับความคาดหวังเหล่านี้
จีนในปัจจุบันเจอปัญหารุมเร้า เศรษฐกิจชะลอตัว ตึงเครียดจากการทำงานหนัก ความเหลื่อมล้ำพุ่งสูง การต่อสู้เพื่อเลื่อนสถานะทางสังคมจึงกลายเป็นความพยายามแสนสาหัส ได้ไม่คุ้มเสียต่อการดิ้นรน
เพราะร่างกาย จิตใจ ครอบครัว และเวลาชีวิต คือราคาที่พวกเขาต้องจ่าย ที่สำคัญคือไม่แน่นักว่าจ่ายไปแล้วจะได้อะไรกลับมา
[ พันหมื่นเหตุผล ของปรากฎการณ์ Lying Flat ]
เริ่มที่ภาพใหญ่ เศรษฐกิจจีนเริ่มแผ่วหลังโตแรงหลายปี จากความขัดแย้งที่ยังแรงไม่หยุดกับสหรัฐฯ การชะลอตัวของเอกชนจีน ไปจนถึงโควิด-19 คำว่า “อดทนไว้ ตอนแก่จะได้สบาย” จึงอธิบายสังคมได้น้อยลงเรื่อยๆ
ไม่นานมานี้ พนักงานวัย 25 ปี ของ Bilibili เสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมอง สังคมพุ่งเป้าว่าสาเหตุของการตายครั้งนี้คือการทำงานแบบ 996 (แนวทางการทำของบริษัทเทคโนโลยีจีน ที่ให้เริ่มงานตอน 9 โมงเช้า เลิกงาน 3 ทุ่ม และทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์) แถมก่อนหน้านี้ ก็เคยมีกรณีที่พนักงานวัย 22 ปี ของบริษัท Pinduoduo เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ระหว่างกลับบ้านตอนตี 1
คนรุ่นใหม่มองว่า ผลเสียจากการทำงานหนักนั้นมีต้นทุนที่สูงเกินไป เพราะมันไม่ได้แค่บั่นทอนสุขภาพเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนจิตใจ ส่งผลต่อการหมดไฟ โรคซึมเศร้า และอาจหนักถึงการฆ่าตัวตายอย่างที่มีให้เห็นบ่อยๆ ในข่าว
แถมนับวัน คนจีนลืมตาอ้าปากได้ยากขึ้นจากค่าครองชีพที่พุ่งทะยานไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่าเลี้ยงดูบุตร หรือแม้แต่ค่าครองชีพของตัวเอง สวนทางกับรายได้ที่โตช้า (จีนมีคนทำงานจำนวนมาก)
ที่สำคัญ ความเหลื่อมล้ำของจีนถูกฉีกห่างไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ตัวเลขล่าสุดจากทางการจีนชี้ว่ารายได้ของคนเมืองมากกว่าคนชนบทถึง 2.5 เท่า ความหวังในการเลื่อนสถานะของคนรุ่นใหม่จึงค่อนข้างเลือนราง
และนี่คือเรื่องใหญ่มาก เพราะคนชนบทมีจำนวนถึง 500 ล้านคน หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากร
นอกจากนี้ ค่านิยมทางสังคมที่มักจะกดดันให้คนดิ้นรนเพื่อประสบความสำเร็จทั้งจากครอบครัวและสังคมโดยรวมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเงียบที่ทำร้ายคนรุ่นใหม่ (เราอาจคุ้นๆ เรื่องนี้ในรูปแบบคำถามที่ว่า อายุ 25 แล้วมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือยัง?)
[ วิกฤติประชากร สะท้อนสภาพสังคมจีน ]
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงการนอนราบของคนจีนคือ ‘วิกฤติประชากร’
ล่าสุด อัตราการเกิดในจีนอยู่ที่ 1.3 คนต่อผู้หญิง 1 คน ลดลง 22% จากปีก่อน ที่สำคัญคืออัตราการเกิดลดลงต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวและส่งเสริมให้มีลูก 2 คน ตั้งแต่ปี 2016
นอกจากนี้ การศึกษาจาก Jiaotong University ยังชี้ว่าคนจีนรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงาน แถมจำนวนการแต่งงานก็ลดลงมาเรื่อยๆ ถึง 8 ปีติดต่อกัน แถมการศึกษาจากอีกแหล่งยังชี้ว่าผู้หญิงจีนไม่มีความสุขในชีวิตแต่งงานเพิ่มขึ้น 2 เท่าในเวลา 10 ปี
นอกจากรายจ่ายของการสร้างครอบครัวและเลี้ยงดูบุตรที่เพิ่มขึ้นแล้ว สาเหตุของเรื่องนี้ยังมีที่มาจากการทำงานหนัก ไม่มีเวลา ความตึงเครียดจนเป็นปัญหาครอบครัว ไปถึงขั้นที่มองว่าการมีลูกคือภาระ
การแต่งงาน การสร้างครอบครัว และการมีลูก คือหนึ่งในความสำเร็จตามค่านิยมดั้งเดิม อัตราการเกิด ทัศนคติต่อการแต่งงาน และจำนวนการแต่งงานที่ลดลง จึงเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าสังคมกำลังนอนราบ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม
[ ทะเยอทะยานทำไม เมื่อมองไม่เห็นความสำเร็จ ]
งานหนักไม่เคยทำร้ายใคร งานหนักทำให้คนประสบความสำเร็จ นั่นคือตำราเก่า
ทุกวันนี้ ปัจจัยในภาพกว้างหลายอย่างไม่เหมือนเดิม โลกเปลี่ยน เศรษฐกิจเปลี่ยน สภาพสังคมเปลี่ยน อะไรที่เคยเวิร์ค มาวันนี้กลับไม่เวิร์ค
คนรุ่นใหม่ในสังคมจีนต้องดิ้นรนทำงานกันแบบ 996 เอาสุขภาพกายและใจเข้าแลกเงิน แต่ก็ยังมีรายได้ไม่พอให้ลืมตาอ้าปาก ค่าครองชีพสวนทางรายได้ ความเหลื่อมล้ำทำให้ไม่มีต้นทุน แถมยังต้องเครียดจากการทำงานและค่านิยมของสังคม กลายเป็นว่าการปล่อยเกียร์ว่างคือทางเลือกที่ทุกข์น้อยกว่า
พวกเขาเลิกดิ้นรนเพื่อความสำเร็จ เพราะมองไม่เห็นความสำเร็จรออยู่ที่ปลายทาง หรือแม้จะเห็นแต่ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกมาก็สูงเกินไป
ที่มา
- https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3153362/what-lying-flat-and-why-are-chinese-officials-standing-it
- https://www.ft.com/content/183c2653-9cbf-4231-8dd6-1250d88b289d
- https://www.brookings.edu/techstream/the-lying-flat-movement-standing-in-the-way-of-chinas-innovation-drive/
- https://qz.com/2019322/why-lying-flat-a-niche-chinese-millennial-meme-alarms-beijing/
- https://www.theguardian.com/world/2022/feb/09/claims-that-overwork-killed-china-tech-worker-reignites-996-debate
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-10/why-some-chinese-are-lying-flat-and-what-it-means-quicktake
- https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3132980/china-population-latest-census-confirms-increase-1412-billion
- https://www.scmp.com/news/people-culture/article/3132019/number-unhappy-wives-china-more-doubled-2012
- https://asia.nikkei.com/Economy/China-s-income-inequality-grows-despite-village-modernization