SHARE

คัดลอกแล้ว

อุตสาหกรรมเพลงตอนนี้เติบโตอย่างน่าสนใจเพราะสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มอย่าง Spotify และ Apple Music ทำให้ตลาดเพลงทั่วโลกครึกครื้นมากขึ้น คาดการณ์กันว่ารายได้ของบริการสตรีมมิ่งจะสูงขึ้นปีละ 10% ไปจนถึงปี 2573 ด้วยรายได้ 1,205 ล้านบาททั่วโลก 

และช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เอเชียเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตของสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มสูงที่สุดอีกด้วย

ยิ่งมาเจาะลึกดูประเทศไทยจะพบว่ามีการเติบโตของยอดสมาชิกแบบพรีเมียมของสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มมากสุดในเอเชีย และนำมาสู่การสร้างโอกาสให้เหล่าค่ายเพลงและศิลปินรุ่นใหม่ๆ ได้

แต่แม้อุตสาหกรรมเพลงของไทยจะมีโอกาสเติบโต แต่ก็ตามมาด้วยการแข่งขันของศิลปินก็สูงขึ้นเช่นกัน

พูดง่ายๆ ว่าศิลปินจะอยู่แค่ผลิตผลงานดีๆ อย่างเดียวไม่ได้ เพราะคนฟังมีตัวเลือกเยอะ ทำให้ศิลปินอาจต้องวางการตลาดให้เข้าถึงคนฟังด้วย

TODAY Bizview พูดคุยกับ ‘สมวลี ลิมป์รัชตามร’ Country Director แห่ง Believe Digital Thailand บริษัทที่ให้บริหารด้านการจัดการเพลงดิจิทัลมาสรุปอุตสาหกรรมเพลงไทยตอนนี้ให้ฟัง

[ อินไซต์คนไทยซับสตรีมมิ่งเยอะ ศิลปินอิสระก็แข่งสูง ]

‘สมวลี’ เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ไทยเป็นประเทศที่มียอดซับสตรีมมิ่งสูงมาก นึกภาพขนาดที่ว่าผู้ปกครองสมัยนี้ต้องมีค่าซับสตรีมมิ่งเตรียมไว้เผื่อลูกๆ ด้วย 

เทรนด์การฟังเพลงบนสตรีมมิ่ง ทำให้คนเข้าถึงเพลงง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้น ทำให้ขอบเขตการฟังเพลงกว้างขึ้น ไม่เพียงแค่เพลงเมนสตรีมเท่านั้น แต่เพลงอินดี้ ฮิปฮอป ก็เป็นที่นิยม โดยเฉพาะในไทยมีตลาดเพลงกลุ่มอินดี้ป๊อปที่เติบโตมากกว่าประเทศอื่น

ยิ่งถ้าเทียบนิสัยการฟังเพลงจะเห็นได้ชัดว่าคนไทยชอบฟังบนสตรีมมิ่งเฉลี่ย 100% เลย ถ้าเทียบกับอเมริกาที่เป็นจุดเริ่มต้นของสตรีมมิ่งก็ยังมีคนฟังแค่ 85% เท่านั้นที่เหลือยังฟังเพลงจาก ‘เครื่องเล่น’ อื่นๆ 

ความนิยมฟังเพลงสตรีมมิ่งเลยเป็นโอกาสเติบโตของศิลปินในไทยมากขึ้น จากเมื่อก่อนจะออกเพลงสักเพลงต้องมีค่ายใหญ่ๆ มีเงินทุนสูงๆ ตอนนี้เทคโนโลยีทำให้ต้นทุนการผลิตเพลงลดลงมา  นอนอยู่บนเตียงแต่งเพลง ซื้อโปรแกรมมาอัดเพลงก็สามารถสร้างผลงานออกมาสู่ผู้ฟังได้แล้ว 

พูดง่ายๆ ว่าต้นทุนการทำเพลงถูกลงมาก ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนที่ต้องเช่าห้องอัดวันละหลักพันไปจนหลักหมื่น ตอนนี้ถูกลงมหาศาลแค่ลงทุนกับเทคโนโลยีไม่กี่บาทก็สามารถสร้างผลงานเพลงออกมาได้เรื่อยๆ 

นอกจากนี้ในด้านการสร้างรายได้ก็เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่ศิลปินมองว่ารายได้หลักมักมาจากการขึ้นคอนเสิร์ต จากโชว์ต่างๆ การขายแผ่นซีดี ซึ่งบางคนก็โดนก็อปลิขสิทธิ์ไปขายเป็นแผ่นผี จนท้อต้องปิดค่ายเพลงไปก็มี แต่ตอนนี้แค่ผลิตเพลงแล้วลงให้คนฟังในสตรีมมิ่ง ยิ่งมีคนฟังเยอะเท่าไหร่ก็สามารถสร้างรายได้กลับสู่ศิลปินได้แล้ว

[ ความท้าทายกับโอกาสมาพร้อมกัน ศิลปินอยู่เฉยๆ ไม่โปรโมทไม่ได้  ]

สำหรับประเทศไทยแนวเพลงป๊อปจะเป็นแนวเพลงที่ติดชาร์ตบนสตรีมมิ่งบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับแนวเพลงอินดี้ป๊อป ศิลปินมีอิสระที่จะถ่ายทอดผลงานเพลง แต่ทว่าถ้าไม่ทำให้เพลงเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังก็อาจจะเสียดายผลงานเพลงดีๆ 

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าศิลปินไม่จำเป็นจะต้องมีค่ายใหญ่ๆ มารองรับแล้วก็ได้ ศิลปินตอนนี้สามารถเป็นอิสระได้ แต่ต้องทำการตลาดเพลงของเราให้ดี เพราะถ้าเทียบกับค่ายใหญ่ๆ ที่มีสื่อในมืออยู่ทำให้ทุกครั้งที่ศิลปินออกเพลงก็ได้รับการโปรโมท

แต่สำหรับค่ายเล็กหรือศิลปินอิสระ ความท้าทายกับโอกาสมักมาพร้อมกัน สื่อในมือไม่ได้มีเท่าค่ายใหญ่ ก็ต้องเน้นการโปรโมทำการตลาดให้มากขึ้น เจาะฐานคนฟังให้ได้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของ BEEEF บริการ Artist Service แบบครบวงจร ที่มาช่วยปั้นศิลปินอินดี้ป๊อปขึ้นท็อปชาร์ต

ซึ่งวันนี้ศิลปินอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องอัปเดตตัวเองตลอด ต้องทำโปรแกรมมิ่งเป็นด้วย ทุกวันนี้เพลงที่ไม่ได้มีคอนเทนต์มันไม่ไปถึงคนฟัง ต้องยอมรับว่าศิลปะที่ทำมันไปถึงคนฟังถ้าได้รับการโปรโมที่เหมาะสม ดังนั้น ในยุคสตรีมมิ่งเราปฏิเสธอัลกอริทึ่มไม่ได้

โดย BEEEF จะเน้นเจาะศิลปินและคนทำเพลงแนวอินดี้ป๊อบ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อไปสร้างกลยุทธ์การทำงานและพัฒนาศิลปินให้เติบโตในอุตสาหกรรมเพลงยุคดิจิทัล โดยเรามีแผนที่จะผลักดันศิลปินในความดูแลก้าวขึ้นสู่ 20 อันดับแรกของชาร์ตเพลงไทยในปี 2568 ให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้เราไม่มีการถือครองลิขสิทธิ์ผลงานของศิลปินใดๆ เลย  

‘ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์’ Senior Artist & Repertoire (วง The Yers) เล่าเสริมว่า ศิลปินบางคนไม่ค่อยเล่นโซเชียลมีเดีย แต่ยุคนี้ศิลปินอยู่เฉยๆ ไม่พัฒนาตัวเองไปตามเทรนด์ก็ไม่ได้ ถ้าต้องการจะปั้นเพลงให้ดังก็ต้องมาทำการตลาด  BEEEF จะมีดาต้าข้อมูลเกี่ยวกับเพลงนั้นๆ แล้วแนะแนวแนวทางการปั้นคอนเทนต์ไปเสิร์ฟคนฟัง เช่น ปั้นคอนเทนต์ขึ้นบน TikTok ให้คนฟังติดหูในเพลง แล้วดึงคนฟังเหล่านั้นไปฟังในสตรีมมิ่ง ก็ทำให้ยอดสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้น ศิลปินก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นไปด้วย พูดง่ายๆ ว่า BEEEF ก็เหมือนคนปรุงก่อนที่ศิลปินจะเอาเพลงไปเสิร์ฟสู่ผู้ฟัง 

ซึ่งเราไม่ต้องให้คนฟัง 70 ล้านคนมาฟังเพลงเราก็ได้ แต่ต้องให้คนที่เป็นฐานผู้ฟังยังคงมีความรอยัลตี้กับศิลปินและเพลงต่อไปได้เรื่อยๆ เพลงดี คอนเทนต์การตลาดดีก็จะนำมาสู่จุดเริ่มต้นของ Passive Income ตลอดกาล 

[ T-POP ช่วยสร้างสีสันวงการเพลงไทย ]

สำหรับโอกาสแนวเพลงในประเทศไทยแบ่งออก 3 แนวเพลงหลักคือ ป็อป ฮิปฮอป คันทรี่ โดยเฉพาะลูกทุ่งพัฒนามาก เพราะคนชอบเสพอะไรที่เป็นอัตลักษณ์ ส่วนของ T-POP ‘สมวลี ลิมป์รัชตามร’ มองว่า เข้ามาช่วยสร้างสีสันในอุตสาหกรรมเพลงไทย และสร้างไดนามิกที่แตกต่างจากแนวเพลงแบบอื่น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า