SHARE

คัดลอกแล้ว

หากได้ยินชื่อ ‘มาเก๊า’ หลายคนคงมีภาพจำอยู่เพียงไม่กี่เรื่อง แต่หากได้ลองได้เดินสำรวจเมือง ย่ำเท้าไปในย่านวิถีชีวิตของผู้คน เดินไปตามถนนที่ผสมผสานระหว่างคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวไม่ขาดสาย เราจะพบว่ามาเก๊ามีเสน่ห์ที่น่าจับใจในทุกหัวมุมเมืองของถนน

อย่างที่หลายคนทราบดี มาเก๊า เป็นเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยก่อนหน้านี้เป็นอาณานิคมโปรตุเกสเป็นเวลากว่า 400 ปี และเพิ่งกลับมาปกครองโดยจีนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว (นับตั้งแต่ ค.ศ.1999) ดังนั้น ทั่วทุกมุมเมืองของมาเก๊า เราจะเห็นการผสมผสานของวัฒนธรรม ศิลปะ วิถีชีวิต ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว

และยิ่งกว่านั้น เรายังเห็นความใจกว้างในการเปิดรับเทคโนโลยี วิถีชีวิตใหม่ๆ สร้างโอกาสมากมายให้พื้นที่ 118 ตร.กม. (ซึ่งเล็กกว่าจังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดที่เล็กที่สุดของไทย)

การเดินทางไปมาเก๊ากับการท่องเที่ยวมาเก๊าครั้งนี้ เรามีโอกาสได้ไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Macau Grand Prix Museum พิพิธภัณฑ์รถแข่งกรังปรีซ์ ซึ่งจะมีการจัดแสดงหุ้นขี้ผึ้งนักแข่งชื่อดัง รวมถึงรถที่ใช้แข่งขันจริง ซึ่งไฮท์ไลท์คงหนีไม่พ้น Formula 1 รถแข่งในตำนานที่แฟนๆ นักแข่งรถหลายคนน่าจะอยากมาสัมผัสด้วยตาเปล่ากันสักครั้ง

สิ่งที่ต้องชื่นชมคือ แม้ว่า Macau Grand Prix Museum จะเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับแฟนๆ รถแข่ง แต่การออกแบบพิพิธภัณฑ์ที่นำเอาเทคโนโลยี AI-VR หรือใส่กิจกรรมต่างๆ ให้คนมีส่วนร่วมตลอดการเดินชมพิพิธภัณฑ์ทำให้แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นแฟนรถแข่งยังรู้สึกสนุกสนาน และมีส่วนร่วมไปด้วย

ซึ่งเราสังเกตได้ว่าไม่ใช่แค่ Macau Grand Prix Museum ที่เปิดรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาดึงความสนใจนักท่องเที่ยว เพราะแม้แต่พิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์อย่าง Poly MGM Museum ซึ่งจัดแสดงภาพวาดและประติมากรรมต่างๆ ในสมัยจีนโบราณที่ล้วนเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ก็มีการนำเอาลูกเล่น AI มาให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วม เช่น สแกนใบหน้าของเราและเปลี่ยนให้เป็นภาพสาวจีนโบราณ หรือการใช้ระบบ Interactive มาให้เราสามารถทดลองเคาะกลองเรียกฝนโบราณได้ผ่านจอ VR

และยังไม่รวมถึงการเล่นกับแสงสีต่างๆ ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มจนทำให้ 1 ชั่วโมงในพิพิธภัณฑ์เป็นกลายเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้ชั้นดี และเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไปในตัว

เมื่อพูดถึงสีสันแล้ว ไม่ใช่แค่ในพิพิธภัณฑ์ เพราะนอกพิพิธภัณฑ์ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตอนกลางคืน ถ้าถามว่า ‘สำหรับเรา มาเก๊าเป็นเมืองสีอะไร?’ ก็คงตอบได้ยากเพราะหากคุณได้ลิ้มรสประสบการณ์นั่งรถบัสเปิดประทุนในยามค่ำคืนผ่านย่าน Cotai คุณจะสัมผัสกับการแสดงแสงสีอย่างอลังการในทุกตึกรามที่รถวิ่งผ่าน เอาเฉพาะถนนเส้น Estr. do Istmo คุณก็จะได้เห็นกรุงปารีสขนาดย่อมๆ ทั้งหอไอเฟลจำลอง ประตูชัยจำลอง ไปจนถึงสถาปัตยกรรมแบบลอนดอน ที่เขายกเอาการตกแต่งแบบฉบับของลอนดอนมาไว้ตลอดเส้นทาง

แต่ต้องบอกเลยว่า ต่อให้คุณจะไม่เลือกนั่งรถบัสเปิดประทุน หรืออยากเดินเที่ยวอิสระ ไม่พึ่งทัวร์ การท่องเที่ยวในมาเก๊าแห่งนี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะระบบขนส่งสาธารณะของมาเก๊านั้นครบครันและสะดวกสบายไม่เป็นรองเมืองใหญ่ๆ เลย รถไฟฟ้า (LRT) รวมถึงรถประจำทางจะวิ่งผ่านจุดสำคัญๆ ในเมือง และรถประจำทางบางคันยังผ่านถนนและซอยแคบๆ ในมาเก๊าด้วย โดยรถแต่ละชนิดจะมีการบอกจุดหมายปลายทางและข้อมูลการเดินทางที่ชัดเจน ใครที่เดินทางเอง ก็สามารถวางแผนการเดินทางได้สะดวก ไม่ต้องกลัวหลง

ดูรายละเอียดการเดินทางได้ที่ >> : การคมนาคมในพื้นที่ – สำนักงานการท่องเที่ยวของรัฐบาลมาเก๊า

ดังนั้น นอกจากจะไปแหล่งท่องเที่ยวจุดดังๆ คุณสามารถนั่งรถประจำทางเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนมาเก๊าตามย่านต่างๆ ที่คนท้องถิ่นอาศัยอยู่จริง ได้เห็นสถาปัตยกรรมที่ยังมีร่องรอยของความเป็นโปรตุเกสผสมผสานกับความเป็นจีน ซึ่งถ้าถามว่าอะไรที่จะทำให้เราเข้าใจความผสมผสานที่ว่านั้นได้ดีที่สุด หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นอาหาร อย่าง ‘แมคกานีส’ ซึ่งเกิดจากผสมผสานกันของอาหารโปรตุกีสและอาหารจีน โดยใช้วัตถุดิบจากหลากหลายเชื้อชาติ

ระหว่างทริปมาเก๊าเรามีโอกาสลิ้มรสอาหารแมคกานีสของแท้ที่ร้าน Patio de Chon Sau รวมถึงอาหารโปรตุกีสเพียวๆ ที่ร้าน Albergue 1601 และอาหารจีนกวางตุ้งฉบับต้นตำรับที่ห้องอาหาร Galaxy Macau Tam Chai Yu Chun ซึ่งหลังจากได้ทดลองกินอาหารทั้งสามประเภทแล้ว จะเข้าใจชัดเจนว่าแต่ละประเภทต่างมีเสน่ห์และความอร่อยแตกต่างหันไป เราจะพบเจอความเหมือนและความต่างบางอย่างในอาหารแต่ละประเภท ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะในเมืองที่มีความผสมผสานทางวัฒนธรรมชัดเจนอย่างเช่นเมืองมาเก๊าเท่านั้น

หากพูดถึงวัฒนธรรม อาหารคงไม่ใช่ร่องรอยอย่างเดียวที่เราพบ แน่นอนว่าตลอดสองข้างทางที่เรานั่งรถผ่าน หรือแม้แต่ตามโรงแรมชื่อดังที่สร้างมาอย่างยาวนานอย่างโรงแรม Central Hotel โรงแรมแห่งแรกของมาเก๊า ซึ่งเคยเป็นที่พักของแขกระดับสูงมากมายในอดีต ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งที่เล่าเรื่องผ่านรูปภาพ และการตกแต่งของห้องที่ให้ความรู้สึกราวกับย้อนกลับไปยุค 1930 แต่ก็ยังให้ความรู้สึกไม่คร่ำครึ และรู้สึกหรูหราไปในตัว

จุดเด่นของโรงแรม Central Hotel คืออยู่ใจกลางแหล่งวิถีชีวิตของผู้คน แถมยังใกล้แหล่งท่องเที่ยวอย่าง Senado Square จุดรวมตัวของนักท่องเที่ยว ที่นอกจากร้านรวงต่างๆ Senado Square เพิ่งมีแลนด์มาร์กแห่งใหม่คือ ห้างสรรพสินค้า Macau M8 ที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์โดยใช้กระจกเป็นหลักจนทำให้ได้รางวัล Guinness World Record ในฐานะการออกแบบกระจกทรงโค้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ถัดมาจากห้าง Macau M8 เดินผ่าน Senado Square ไปไม่ไกล เราจะเจออีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ต้องมาเช็กอิน นั่นคือ ร่องรอยที่เหลืออยู่ของโบสถ์เซนต์ปอล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยตัวโบสถ์ที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปขนานแท้ แต่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายความเป็นเอเชีย แม้ปัจจุบัน โบสถ์เซนต์ปอล จะเหลือเพียงด้านหน้าของตึกที่รอดพ้นจากเหตุการณ์ไฟไหม้ แต่ความขลังกลับยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อนึกถึงว่านี่คือสถานที่ที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในประวัติศาสตร์มามากมาย และยังคงยืนหยัดมากว่า 400 ปีให้เราได้มีโอกาสชื่นชมกันในวันนี้

นอกจากโบสถ์เซนต์ปอลที่เมืองมาเก๊าตั้งใจอนุรักษ์ไว้อย่างดี เรายังได้สัมผัสถึงร่องรอยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอื่นๆ ที่มาเก๊าไม่เคยทิ้งขว้าง อย่างเช่น วัดหลินฟง เป็น 1 ใน 3 วัดที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า เป็นวัดที่ให้เราได้เข้าไปสักการะเจ้าแม่ทับทิม และองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมในภาคบุรุษเพศ

ซึ่งนอกจากสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพรในวัด เราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนมาเก๊าไปในตัว หากมองขึ้นไปที่หลังคาวัด เราจะเห็นธูปทรงโค้งถูกจุดไว้มากมาย ในอดีตธูปเหล่านี้มักจะจุดโดยชาวประมงที่ออกไปหาปลาที่ทะเล เพื่อขอให้เดินทางกลับมาปลอดภัย แต่ปัจจุบัน ธูปทรงโค้งนี้ก็ถูกจุดด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างออกไป ตามความต้องการของผู้ศรัทธา

นอกจากวัดหลินฟง เรายังมีโอกาสเดินทางไปวัดอาม่า เพื่อสักการะเจ้าแม่ทับทิม วัดอาม่ามีชื่อเสียงในเรื่องการขอพรเรื่องการงาน โชคลาภ และเงินทอง โดยจุดสำคัญสำหรับผู้มาขอพรจะมีสองจุดนั่นคือ หอที่ประทับของเจ้าแม่ทับทิมบริเวณด้านหน้าสุดและเป็นจุดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งด้านในจะมีองค์เจ้าแม่ทับทิมให้สักการะขอพร

ส่วนไฮไลท์จุดที่สองที่พลาดไม่ได้คือ ก้อนหินสลักรูปเรือที่อยู่ด้านข้างกัน มีความเชื่อว่าหากนำเงินไปลูบที่หินดังกล่าว แล้วเก็บเงินนั้นไว้กับตัว จะทำให้ผู้ลูบมีเงินทอง โชคลาภไหลเข้าตัวไม่ขาดสาย

แต่นอกจากสองจุดนี้แล้ว หากใครมีเวลาอยากให้ลองเดินขึ้นไปสำรวจหอประทับของเจ้าแม่ทับทิม และเจ้าแม่กวนอิมบริเวณอื่นๆ ที่อยู่ภายในวัด ซึ่งแต่ละหอจะสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาที่แตกตต่างกัน แต่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของมาเก๊าเลยก็ว่าได้

ที่เราพูดถึงเน้นย้ำในเรื่องในการอนุรักษ์ เพราะเราไม่ได้สังเกตเห็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมไว้เฉพาะในสถานที่สำคัญๆ แต่การอนุรักษ์ที่ว่านี้ เราจะสังเกตเห็นได้ตลอดทางที่เราเดิน อย่างเช่น ระหว่างเดินไปวัดอาม่า เราจะพบภาพวาดของอาจารย์ที่เล่าลือกันว่าทำนายดวงชะตาได้แม่นยำมากที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะนิยมไปยืนตรงข้ามภาพวาดของอาจารย์และพูดว่า “อาจารย์ทำนายว่าฉันจะ…(พูดในสิ่งที่ต้องการ)” เพื่อให้พรดังกล่าวเกินขึ้นจริง

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาพสะท้อนของความ ‘เก๋า’ ของมาเก๊า เมืองที่มุ่งมั่นจะเดินตามให้ทันกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปของโลก ผ่านการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยว การเปิดรับเทคโนโลยี เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน แต่ขณะเดียวกัน มาเก๊าก็ไม่ทอดทิ้ง ‘รากเหง้า’ ที่ฝังอยู่ในแผ่นดินนี้มาหลายศตวรรต ความตั้งใจการเดินไปข้างหน้าโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลังของมาเก๊า ทำให้เกาะขนาด 118 ตร.กม. แห่งนี้เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล มนต์ขลัง และความมีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองจนเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราควรไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า