ประเทศไทยกำลังพูดถึงการสร้าง Entertainment Complex แต่ความจริงแล้ว เรายังใหม่มากกับแนวคิดนี้ วันนี้เราจะพาไปดูตัวอย่างจาก มาเก๊า เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ลาสเวกัสแห่งเอเชีย” ซึ่งเติบโตขึ้นมาด้วยโครงการ Entertainment Complex มากว่า 20 ปี หลังจากรัฐบาลมาเก๊าเปิดเสรีธุรกิจกาสิโนในปี 2002 จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่จากผู้ประกอบการระดับโลก

เสน่ห์จากเมืองอาณานิคมตะวันตก สู่แผ่นดินจีนที่ผสมผสานอย่างลงตัว

มาเก๊าในอดีต เคยตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสยาวนานกว่า 400 ปี จนเมื่อ 25 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่ ค.ศ.1999 มาจนถึงปัจจุบัน มาเก๊า กลายเป็นเขตบริหารพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยความที่เคยเป็นเมืองขึ้น บวกกับการหวนกลับคืนมาสู่อ้อมอกของจีน ทำให้มาเก๊าได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานความเจริญระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว 

แม้มาเก๊าจะไม่ได้มีทรัพยากรที่มากมายอะไร แต่จุดขายของมาเก๊า กลับกลายเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ด้วยวิสัยทัศน์ของรัฐบาลต้องการสร้างมหานครแห่งนี้ให้เป็นแหล่งดึงดูดผู้มาเยือนจากทั่วโลก และหนึ่งในธุรกิจที่หลายคนจะต้องนึกถึง นั่นก็คือกาสิโนที่ถูกกฎหมาย นั่นเอง 

มาเก๊าขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งกาสิโนที่มีรายได้จากการพนันสูงที่สุดในโลก ปีๆ นึงสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจนี้ได้มากมายหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยช่วงก่อนโควิด 19 80% ของรายได้มาเก๊า มาจากธุรกิจกาสิโน 

แต่แล้วภาพของมาเก๊า ก็ได้เริ่มเปลี่ยนไป จากในช่วงโควิด 19 เป็นต้นมา มาเก๊าเริ่มวางแผนลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่การพนันเพิ่มอีกกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.55 แสนล้านบาท เพื่อหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่นักพนัน แต่ยังรวมถึงกลุ่มครอบครัว นักเดินทางอื่นๆ ด้วย ที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ และด้วยความพยายามในการปรับโมเดลมาเก๊าของรัฐบาลจีนเองด้วย ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้มาเก๊าเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน มีความทันสมัย และเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 

ดังนั้นปัจจุบัน ภาพของมาเก๊า ที่เราเห็นจึงเต็มไปด้วยความบันเทิงแบบจัดเต็ม อย่างโซนใกล้สนามบินมาเก๊า จะเต็มไปด้วยโครงการ Entertainment Complex มากมาย ตึกสูงใหญ่ตระการตา ตกแต่งอลังการงานสร้าง คล้ายกับหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง จากผู้พัฒนาหลายรายที่ได้ลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล สร้าง Ecosystem ด้านการท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่มีความหรูหรา ครบครัน 

Entertainment Complex ไม่ใช่แค่กาสิโน มองผ่านโครงการ City of Dreams Macau

Entertainment Complex  สถานที่เหล่านี้ คือแหล่งรวมความบันเทิงไว้ครบทุกรูปแบบ นอกจากจะมีกาสิโนแล้ว ยังมีศูนย์การค้า ร้านอาหารชื่อดัง คลับบาร์ สปา สถานที่จัดแสดงงานศิลปะ รวมถึงโรงแรมหรู ไปจนถึงเธียร์เตอร์ โรงละครขนาดใหญ่ที่พร้อมจัดแสดงโชว์แสงสีเสียงสุดล้ำ สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน 

ยกตัวอย่างโครงการที่ TODAY Bizview ได้ไปเยี่ยมเมื่อไม่นานมานี้ คือ City of Dreams  พัฒนาโดยบริษัท Melco Resorts & Entertainment หนึ่งในผู้ให้บริการรีสอร์ทครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เป็นเจ้าของ Entertainment Complex หลายที่  ไม่ว่าจะเป็นที่ฟิลิปปินส์  ไซปรัส รวมถึงที่มาเก๊าแห่งนี้ โดยในปี 2020 City of Dreams Macau เคยได้ชื่อว่าเป็นกาสิโนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ด้วยพื้นที่ประมาณ 420,000 ตารางฟุต

ตอนนี้ที่ TODAY Bizview ได้มาเยือนโครงการนี้ ไม่ได้โฟกัสที่กาสิโนเท่านั้น แต่เราได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมศูนย์การค้า โซนรีเทลขนาดใหญ่หลายชั้น  มีทั้งโซนสินค้าแบรนด์เนมหรู เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ มาช้อปปิ้งที่นี่ซื้อของได้ครบ และที่สำคัญมีร้านอาหารด้วยกระจายอยู่ทั่วโครงการ ทั้งอาหารจีน อาหารนานาชาติ อาหารไทยก็มี นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดงานแสดงศิลปะ คลับ รวมถึงสถานที่สำหรับเด็กๆ หรือ Kids’ City เรียกได้ว่าศูนย์รวมความบันเทิงครบทุกรูปแบบสำหรับทุกคนในครอบครัว ผู้ใหญ่มาเที่ยวได้ เด็กก็มาได้ ทำกิจกรรมได้หลายอย่าง 

เท่านั้นไม่พอ ภายในโครงการ City of Dreams ยังมีส่วนของโรงแรมหรูด้วย มากถึง 4 แห่ง Morpheus, Nüwa, Grand Hyatt Macau และ The Countdown (อยู่ระหว่างการปรับปรุง) รวมกันแล้วมีห้องพักประมาณ 2,170 ห้อง ท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อน

ส่วนที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ ก็คือโชว์ The House of Dancing Water เป็นการแสดงทางน้ำที่ผสมผสานการแสดงผาดโผนทางอากาศ ศิลปะการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม และเทคโนโลยีล้ำสมัยในโรงละครของ City of Dreams ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม 270 องศา เต็มไปด้วยเทคโนโลยีการแสดงที่ทันสมัย ระบบน้ำขั้นสูง ลิฟต์ไฮดรอลิก ระบบแสงและเลเซอร์ รวมถึงเทคโนโลยีโปรเจ็กเตอร์ที่ซับซ้อน สามารถเปลี่ยนเวทีแห้งให้กลายเป็นสระน้ำขนาดมหึมาเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ด้วยงบลงทุนกว่า 2 พันล้านหยวนหรือมากกว่า 9 พันล้านบาท ต้อนรับผู้ชมกว่า 6 ล้านคน จัดแสดงมาแล้วเกือบ 4,000 รอบ ก่อนที่จะปิดปรับปรุงไปในช่วงโควิด 19

แต่ข่าวดีก็คือ การแสดง The House of Dancing Water ก็กำลังจะกลับมา ในเดือนพฤษภาคมปี 2025 นี้ หลังจากทางทีมงาน ผู้บริหาร ผู้กำกับได้พัฒนาโชว์นี้ขึ้นมาใหม่ให้น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิม ถือเป็นอีกหนึ่งแม็กเน็ตที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน City of Dreams ได้

จาก Entertainment Complex มาเก๊า ย้อนดูไทย

นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างกิจกรรม รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโครงการ Entertainment Complex ที่ไม่ได้มีแค่กาสิโนอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ยังมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกมากมายที่หลอมรวมกันเป็นความบันเทิงครบวงจร โดยเกิดการผสานร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชน นักลงทุน ที่สอดรับไปกับนโยบายของรัฐบาลมาเก๊าเองที่ต้องการผลักดันให้ มาเก๊าเป็น ‘ศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและความบันเทิงของโลก’ นั่นเอง 

โมเดล Entertainment Complex ตัวอย่างนี้ น่าจะทำให้หลายๆ ฝ่ายเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น คนไทยจะได้ทำความเข้าใจคำว่า Entertainment Complex จริงๆ ว่าคืออะไร  อย่างไรก็ตาม การพัฒนานโยบายนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยจริงๆ ได้ ต้องศึกษาผลกระทบหลายอย่าง ทั้งด้านบวกและด้านลบ ซึ่งตอนนี้ไทยเราก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน 

โมเดลของมาเก๊าก็คงจะเป็นกรณีศึกษาให้กับประเทศไทยได้ว่า โครงการ Entertainment Complex ที่จะเกิดขึ้นนี้ควรเป็นโครงการสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจริงๆ และต้องคำนึงถึงแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทของไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมาย วัฒนธรรม หรือผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ

ท้ายที่สุดแล้ว การพัฒนา Entertainment Complex ในไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางใด ยังต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลรอบด้านและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจบันเทิง แต่ยังเป็นนโยบายระดับประเทศที่อาจเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยไปตลอดกาล