‘มาครง’ เปลี่ยนท่าทีหลังถูกวิจารณ์ความสัมพันธ์กับรัสเซีย ชี้ชาติยุโรปต้องส่งสัญญาณชัดเจนไปยังยูเครน

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อรัสเซียมากขึ้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพันธมิตรในยุโรปถึงการแสดงออกของฝรั่งเศสที่ดูคลุมเครือในการสนับสนุนยูเครนเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย

ประธานาธิบดีมาครงซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตกของยูเครนอย่างโรมาเนียและมอลโดวา ก่อนที่จะเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันพฤหัสบดีนี้ (16 มิ.ย.) กล่าวกับกองทัพฝรั่งเศสและนาโตที่ฐานทัพทหารในโรมาเนียวันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า “เราอยู่ในจุดที่เราชาวยุโรป จำเป็นต้องส่งสัญญาณทางการเมืองที่ชัดเจนไปยังยูเครน เช่น เราจะอยู่เคียงข้างยูเครน และประชาชนชาวยูเครน ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญ” 

“เราจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดสงครามของกองทัพรัสเซีย เพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนและกองทัพของพวกเขา และเพื่อให้การเจรจาสันติภาพดำเนินได้ต่อไป” ประธานาธิบดีมาครงระบุ

ท่าทีของผู้นำฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นการแสดงออกที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อรัสเซีย หลังจากที่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาออกมาย้ำอยู่หลายครั้งว่า รัสเซียต้องมีทางลงอย่างไม่ต้องเสียหน้า เพื่อให้ยังคงมีทางออกทางการทูตเหลืออยู่ในตอนที่ศึกยูเครนยุติลง 

ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาประธานาธิบดีมาครงยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้นำชาติตะวันตกที่พยายามรักษาการเจรจากับรัสเซียมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มมีการบุกยูเครนเมื่อปลายเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยเขาได้พูดคุยกับผู้นำรัสเซียอยู่เป็นประจำ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพันธมิตรบางชาติในยุโรปว่าเป็นการทำลายความพยายามในการกดดันให้ปูตินเข้าร่วมโต๊ะเจรจา อีกทั้งยังเพิกเฉยต่อการเยือนยูเครนดังเช่นผู้นำชาติพันธมิตรในยุโรปรายอื่นๆ 

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาครงมีกำหนดเยือนกรุงเคียฟของยูเครนในวันพฤหัสบดีนี้ (16 มิ.ย.) พร้อมกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี และนายกรัฐมนตรี มาริโอ ดรากี ของอิตาลี ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนยูเครนครั้งแรกของผู้นำทั้งสามนับตั้งแต่สงครามปะทุ

การเดินทางเยือนยูเครนของผู้นำสามชาติสำคัญในยุโรปครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่คณะกรรมาธิการยุโรปจะเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับสถานะของยูเครนในฐานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ก่อนที่สมาชิกจะมาร่วมหารือกันในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้