วันที่ 16 ธ.ค. 2564 นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า ในการเสนอขายหุ้นของ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) นั้น ขอขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่ได้ให้การสนับสนุน ถึงแม้ว่าระยะเวลาของการเสนอขายจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดี
อย่างไรก็ตาม หุ้นแม็คโครก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัท และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยระดับภูมิภาค
โดยหลังจากนี้ไปบริษัทจะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านดิจิทัล การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศรวมทั้งการปรับรูปแบบและขยายสาขา
ด้านนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ระบุว่า การระดมทุนครั้งนี้ มีมูลค่าสูงเฉียด 5 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นดีลใหญ่ระดับต้นๆ ของไทย
โดยเป้าหมายแรกจะใช้เป็นเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ของการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแม็คโครและโลตัสส์ และส่งเสริมกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค
ถัดมาคือการบูรณาการทั้งธุรกิจ B2B (MAKRO) และ B2C (Lotus’s) ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สามารถใช้ศักยภาพจากฐานธุรกิจในประเทศไทย สู่การขยายธุรกิจไปในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้
โดยจุดเด่นของรูปแบบธุรกิจ จะมีจุดแข็งจากแพลตฟอร์มค้าส่งค้าปลีก ที่เมื่อต่อยอดกับธุรกิจออนไลน์ เกิดเป็น O2O (Offline to Online) ที่ ซึ่งจะทำให้สามารถเจาะตลาดได้ลึกขึ้น และเป็นผู้เล่นในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเต็มตัว
ขณะที่การเติบโตของตลาดค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาคอาเซียนยังเป็นทิศทางขาขึ้น โดยเมื่อเทียบรายได้จีดีพีต่อจำนวนประชากรในหลายประเทศในอาเซียน พบว่ายังมีโอกาสในการเติบโต และขยายฐานธุรกิจนี้ไปได้ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และ สปป.ลาว
หากพิจารณาถึงภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่แม็คโครได้รุกขยายธุรกิจในเมืองใหญ่ของประเทศเหล่านี้ และสร้างการเติบโตในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า ก็มีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซของไทยจะเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในประเทศต่างๆ เหล่านี้
และเมื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งมีประชากรรวมกันถึง 3,300 ล้านคน ก็จะเห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนว่าวันนี้ตลาดในอาเซียนและเอเชียยังมีพื้นที่ให้เติบโตในลักษณะคล้าย S-Curve
แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดของเอเชีย โดยเฉพาะของสด (Fresh) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Grocery) ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นโอกาสให้บริษัทของไทยเข้าไปขยายธุรกิจและยกระดับเป็นผู้เล่นสำคัญระดับโลกได้
ภาพจิ๊กซอว์ของบริษัทไทยกับการก้าวสู่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ อันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ ถือเป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
“นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือการขยายธุรกิจของแม็คโครจะไม่ได้ไปในฐานะภาคเอกชนเพียงรายเดียว แต่จะนำศักยภาพของคนไทย ทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยเติบโตไปด้วยกัน” นายสมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย