น่าสนใจกว่าไทย? ‘มาเลเซีย’ กำลังกลายเป็น ฮับ Data Center ของอาเซียน

‘มาเลเซีย’ ประเทศเพื่อนบ้านของไทย ที่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่าไทยเราเกือบ 1 เท่า เป็นผู้นำด้านการผลิตยางพารา, น้ำมันปาล์มรายใหญ่ อีกทั้งยังโดดเด่นด้านการส่งออก ‘พลังงาน’ โดยเฉพาะกับปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ 

และด้วยความได้เปรียบด้านพลังงานที่มากพอสมควรทำให้ในปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติเริ่มมองเห็นโอกาสจากประเทศแห่งนี้ โดยเฉพาะกับ ‘ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูล’ หรือที่เรียกกันว่า ‘Data Center’ เพราะแน่นอนว่ามันคงจะดีกว่าหากธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานจำนวนมาก ก่อตั้งขึ้นในแหล่งพลังงานที่มีเหลือเฟือ 

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ GDS Holdings บริษัท Data Center รายใหญ่ของจีน ได้เริ่มสร้างโรงงานขนาด 69.5 เมกะวัตต์ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 1,457 ล้านบาท (40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขึ้นในเมือง ‘Iskandar Puteri’ รัฐยะโฮร์ ที่ทำเลอยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซีย และห่างจากชายแดนสิงคโปร์ ด้วยการขับขี่รถยนต์เพียง 30 นาทีเท่านั้น

หรือแม้แต่บริษัท NTT Data ของญี่ปุ่น ที่ได้เริ่มสร้าง Data Center แห่งที่ 6 ในวิทยาเขตเมือง ‘Cyberjaya’ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงอย่าง กัวลาลัมเปอร์อีกด้วย 

โดยทาง ‘ทาเคชิ คิมูระ’ หัวหน้า Data Center ของบริษัทเผยว่า มาเลเซียมีมาตรการดึงดูดใจทั้งในเรื่องของภาษี และมาตรการอื่น ๆ ที่เอื้อต่อธุรกิจทำให้เป็นแรงจูงใจในการลงทุนครั้งนี้ขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เดิมทีการลงทุนในธุรกิจ Data Center ของอาเซียนจะอยู่ในประเทศ ‘สิงคโปร์’ แต่ด้วยปี 2019 ที่ต้นทุนพลังงานและที่ดินในสิงคโปร์ค่อนข้างสูงทำให้กลุ่มนักลงทุนไม่อาจรับค่าใช้จ่ายเหล่านั้นไหว 

ประกอบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความต้องการของธุรกิจ Data Center กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

ทำให้มาเลเซียประเทศที่มีต้นทุนด้านพลังงานและที่ดินราคาถูกกลายเป็นจุดมุ่งหมายของนักลงทุน โดยเฉพาะกับเมือง ‘Iskandar Puteri’ ทำเลทองที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่าสามารถเข้าไปยังสิงคโปร์ที่มีสำนักงานใหญ่ของหลาย ๆ บริษัทได้ง่ายขึ้น 

ทั้งนี้ มาเลเซียเป็นประเทศที่ถูกใจนักลงทุนเป็นพิเศษ เพราะด้วยการผลิตไฟฟ้าในราคาถูกและมีกำลังการผลิต 113 เมกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าอินโดนีเซียหรือไทยประมาณ 4 เท่าเลยทีเดียว

และยังมีข้อมูลจากสถานบันวิจัยและการตลาดไอร์แลนด์ คาดการณ์ไว้ว่า ธุรกิจ Data Center ในมาเลเซียจะเติบโต 72% จากปี 2022 หรือคิดเป็นมูลค่า  2.25 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 โดยจะเติบโตแซงหน้าธุรกิจ Data Center ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด 47%

อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้มาเลเซียกลายเป็นที่น่าสนใจ ก็มีสาเหตุหลักมาจาก ‘รัฐบาล’ ที่เอื้อต่อการลงทุนในธุรกิจ Data Center โดยรัฐบาลมาเลเซียเปิดตัวโครงการ Digital Ecosystem Acceleration ขึ้นในปี 2022 เพื่อยกเว้นภาษีให้กับกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาสร้าง Data Center

พร้อมทั้งรัฐบาลกำลังปรับปรุงระบบไฟฟ้าที่เสถียรมากขึ้นให้แก่ประเทศ เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านไปยังธุรกิจดิจิทัลเป็นหลัก 

ทางด้าน ‘Tengku Zafrul Abdul Aziz’ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม ของมาเลเซียเผยถึงเป้าหมายว่า ธุรกิจ Data Center จะต้องสร้างรายได้เกือบ 800 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ซึ่งจากเดิมในปี 2022 อยู่ที่ 400 ล้านดอลลาร์ หรือคิดง่าย ๆ ว่ารายได้จะต้องเพิ่มขึ้น 1 เท่าด้วยระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น 

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจ Data Center ที่มีความต้องการมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้หลาย ๆ ประเทศในอาเซียนกำลังผันตัวให้มีความโดดเด่น ดึงดูดใจเหล่านักลงทุนในธุรกิจนี้ ประกอบกับบริษัทต่าง ๆ จากภูมิภาคตะวันตกกำลังมองหาการลงทุนที่ในประเทศใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่ในประเทศ ‘จีน’ เพราะด้วยความขัดแย้งกับสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ 

แต่ถึงอย่างนั้น ‘มาเลเซีย’ ก็ยังคงได้เปรียบอยู่ เพราะด้วยพลังงานที่มีจำนวนมาก มาพร้อมกับราคาถูกและเสถียร ประกอบกับที่ดินราคาดี และการยกเว้นภาษีในธุรกิจ ทำให้ยังคงโดดเด่น เตะตานักลงทุน

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ เมื่อปีที่แล้วหลังจากที่ Google ได้ประกาศจะสร้างศูนย์ข้อมูลสำหรับบริการคลาวด์ในประเทศมาเลเซีย, ไทย และนิวซีแลนด์ขึ้น ทำให้ในประเทศไทยเอง ทางรัฐบาลเสนอการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุน

ที่มา

• • • https://asia.nikkei.com/Business/Technology/Malaysia-courts-new-data-centers-in-bid-to-be-next-Southeast-Asia-hubhttps://asia.nikkei.com/Spotlight/Market-Spotlight/Malaysian-Thai-economies-suffer-as-currencies-slide-vs.-dollar
    • https://www.britannica.com/place/Malaysia/Labour-and-taxation