การตื่นตัวของผู้คนในยุคปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ แม้ว่าเราจะไม่ได้สัมผัสกับบางเรื่องที่เกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่งด้วยตัวเองเลย แต่เรากลับสามารถทำความเข้าใจและบางคนก็รู้สึกอินไปกับมันได้
แต่กับบางเรื่อง แม้ผู้ส่งสารจะพยายามทำให้เราอิน หรือเรื่องนั้นจะควรค่าแก่การตีแผ่มากแค่ไหน หากนำมารวมกันจนกลายเป็นส่วนผสมที่ผิดแผกออกไปจากที่มันควรจะเป็น ผู้คนก็อาจจะรู้สึกเอียนได้เช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1989 ชื่อของกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชื่อว่า The New Warriors เริ่มปรากฎตัวสู่สายตาของแฟนมาร์เวล คอมิกส์ เป็นครั้งแรก แต่ละตัวละครประกอบไปด้วยวัยรุ่นเป็นหลัก
“พลังของคนรุ่นใหม่” กลายเป็นจุดขายของซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ถูกนำมาทำเป็นภาพยนต์เหมือนซูเปอร์ฮีโร่ระดับแม่เหล็กคนอื่น ๆ และแผนการทำเป็นซีรี่ส์โดยใช้คนแสดงก็ถูกพับไป แต่การที่ชื่อของกลุ่มนี้ถูกจรดปากกาลงบนคอมิกส์มาอย่างยาวนาน ก็เป็นเครื่องการันตีว่ายังมีคนรอติดตามเรื่องราวสไตล์นี้อยู่
ตลอดช่วง 1990 – 2015 ที่ทางมาร์เวลปล่อยซีรี่ส์นี้มารวมแล้ว 5 ภาค ทั้งหมดเกือบ 150 เล่ม เป็นระยะเวลาที่นานพอดู สำหรับการพาเรื่องราวเรื่องหนึ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุค ที่มุมมองของสังคมแตกต่างกันออกไป
การ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่เองก็ถือเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง ที่จะทำหน้าที่สะท้อนค่านิยมในสมัยนั้น ๆ ที่มีการตีพิมพ์ และการนำมาสร้างใหม่หรือทำภาคต่อก็ต้องมีการปรับให้เข้ากับยุคสมัย เราคงได้เห็นตัวอย่างจากภาพยนต์ Black Panther ที่มาในช่วงที่กระแสความเท่าเทียมกันทางสีผิวเริ่มถูกเรียกร้องมาได้ในระดับหนึ่ง ทำให้การตอบรับทั้งในแง่ของนักวิจารณ์และรายได้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งคู่
อย่างไรก็ดี การพยายามดันประเด็นบางอย่างทางสังคมมากเกินไปจนลืมรากเหง้าที่แท้จริง ก็อาจส่งผลในแง่ลบได้ อย่างที่ The New Warriors ภาคที่ 6 กำลังประสบอยู่ ณ ตอนนี้
เมื่อ 20 เมษายน ทางมาร์เวลได้ประกาศว่าจะทำภาคต่อของกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มนี้ โดยพล็อตเรื่องก็คือ ทางรัฐบาลออกกฎหมายกำหนดให้ซูเปอร์ฮีโร่ต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะเท่านั้น มีการแบนเหล่าฮีโร่อายุน้อยทั้งหมด เว้นแต่ว่าพวกเขาจะมีที่ปรึกษาที่ทางรัฐจัดหาให้
อ่านพล็อตที่ออกมาก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอทางมาร์เวลปล่อยดีไซน์ตัวละครออกมาเท่านั้นล่ะ ทำเอาปุ่ม dislike บน YouTube ถูกกระหน่ำแทบไม่ยั้งเลยทีเดียว
จากยอดวิว 1.1 ล้านครั้ง มีคนกดแสดงความไม่ชอบวิดีโอดังกล่าวไปแล้วกว่า 247,000 ครั้ง ยังไม่รวมถึงคอมเมนต์อีกเกินครึ่งแสนที่ถึงแม้จะไม่ได้อ่านทั้งหมด แต่คงพอจะอนุมานได้ว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่การเข้ามาชื่นชมอย่างแน่นอน
กลุ่มซูเปอร์ฮีโร่กลุ่มใหม่ที่ควรจะมีคาแรคเตอร์ที่สามารถต่อกรกับเหล่าวายร้ายได้ กลับกลายเป็นความพยายามที่ดูเหมือนจะยัดเยียดเรื่องความหลากหลายเข้ามาแบบเกินพอดี
ความพยายามที่จะสื่อว่าคนผิวสี เด็กเนิร์ด เพศทางเลือก รวมถึงคนอ้วน ก็สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่สังคมไม่ยอมรับซะทีเดียว แต่การเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาผสมรวมกันจนดูไม่เป็นธรรมชาติต่างหาก ที่แฟนมาร์เวลรับไม่ได้
เราอาจจะเคยเห็นซีรี่ส์อเมริกันเรื่อง Glee ที่ตัวละครหลักแต่ละคนล้วนแต่มีปมที่ทำให้พวกเขาถูกกลั่นแกล้ง (Bully) ในช่วงชีวิตมัธยมปลาย มันอาจจะดูพยายามก็จริง แต่การที่ตัวดำเนินเรื่องล้วนเป็นเด็กไฮสคูลธรรมดา ๆ ที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้การสื่อประเด็นเหล่านั้นออกมาดูไม่ขัดหูขัดตามากนัก
แต่พอเราได้มาเห็นสิ่งเหล่านั้นในคอมิกส์ของมาร์เวล ซึ่งควรจะเป็นการ์ตูนแฟนตาซีที่ฮีโร่ต่อกรกับเหล่าร้าย แทนที่ผู้อ่านจะรู้สึกตื่นตัวกับเรื่องราวทางสังคมที่แฝงเข้ามา กลับกลายเป็นอะไรที่ดูผิดที่ผิดเวลาไปหมด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม