‘เมย์แบงก์’ จับมือ BNY Mellon ธนาคารเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ สร้างการลงทุนเท่าเทียม

เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประกาศร่วมมือกับ BNY Mellon ธนาคารเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ตั้งเป้าหมายสร้างการลงทุนที่เท่าเทียมในประเทศไทย มีเงินน้อยก็สร้างความมั่งคั่งได้

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือกับ บีเอ็นวาย เมลลอน ไอเอ็ม (BNY Mellon IM) ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลงทุนที่เท่าเทียม

โดย BNY Mellon จะร่วมพัฒนาโมเดลพอร์ตการลงทุนทั้งหมด 10 พอร์ต แบ่งเป็นพอร์ตลงทุนที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน 5 พอร์ต และพอร์ตลงทุนที่มีความผันผวนต่างกันอีก 5 พอร์ต

นอกจากนี้ จะสนับสนุน เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในการดูแลพอร์ตการลงทุน ซึ่งรวมถึงการกระจายทรัพย์สิน การบริหารความเสี่ยง และการคัดเลือกผู้จัดการ

ซึ่งในส่วนของ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญที่ได้ในการคัดเลือกและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าในตลาดประเทศไทย

‘เป้าหมายนอกจากพอร์ตลงทุนแล้ว อยากให้ลูกค้ามีทางเลือก (Option) ลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะช่วงที่มีความไม่แน่นอนแบบนี้ มี 2 สมองก็ดีกว่า 1 สมอง’ อารภัฏ สังขรัตน์ ซีอีโอ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุ

อย่างไรก็ตาม BNY Mellon และกลุ่มเมย์แบงก์เป็นพันธมิตรกันอยู่แล้วในหลายประเทศ โดย BNY Mellon มีจุดแข็งเชี่ยวชาญตลาดสหรัฐและยุโรป ส่วนกลุ่มเมย์แบงก์ก็มีความเชี่ยวชาญในตลาดเอเชีย ทำให้รวมกันแล้วแข็งแกร่ง

สำหรับ BNY Mellon เป็นธนาคารเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานถึง 230 ปี และมีประสบการณ์ดูแลพอร์ตลงทุนมานานกว่า 45 ปี สร้างผลตอบแทนไปแล้วกว่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญ หรือราว 9.9 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการลงทุนอย่างเท่าเทียมที่สุดแก่ทุกกลุ่มนักลงทุน เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ยังเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘Maybank Invest (MBI)’ เพื่อซัพพอร์ตการจัดพอร์ตลงทุนให้กับลูกค้า

โดยบริการจัดพอร์ตลงทุนของ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ใช้เงินขั้นต่ำเพียง 10,000 บาทเท่านั้น และไม่มีขั้นต่ำในการลงทุนบางสินทรัพย์ เช่น หุ้น เป็นต้น

เมื่อถามถึงเป้าหมายลูกค้า ‘อารภัฏ’ บอกว่า เขาอยากเจาะกลุ่มลูกค้าเดิมก่อน เพื่อช่วยลูกค้ารับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต ไม่ใช่รับลูกค้าใหม่มาและมองแต่เรื่องกำไร

แต่ถึงอย่างนั้น ก็เชื่อว่าการร่วมมือกับ BNY Mellon และการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า และท้ายที่สุดจะส่งผลต่อกำไรในระยะยาว

โดยภายในสิ้นปี 2566 เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) อยากให้ลูกค้าจดจำบริษัทในฐานะ Investment Firm ที่หนึ่งในใจคนไทย อยากให้คนนึกถึงว่ามีเงิน 10,000 บาทก็ลงทุนได้ ตั้งเป้าลดความเหลื่อมล้ำในเมืองไทย