SHARE

คัดลอกแล้ว

McKinsey บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกเผยแพร่รายงานการรับมือ COVID-19 สำหรับธุรกิจ ส่วนหนึ่งของรายงานคาดการณ์ว่าจากข้อมูลตอนนี้ COVID-19 จะคลี่คลายได้ 3 กรณี อาจเป็นกรณีใดก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวแปรว่าโลกจะควบคุมได้ดีเพียงใดและโรคนี้เป็นโรคที่สามารถหายไปตามฤดูกาลได้หรือไม่ แต่ละกรณีก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระดับต่าง ๆ กัน

[1] เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว
กรณีแรกตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าประเทศต่าง ๆ ในโลกจะสามารถควบคุมไวรัสได้มีประสิทธิภาพเท่าจีนซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงแล้ว และสามารถคงอัตราการเสียชีวิตในเด็กและวัยทำงานต่ำ นอกจากนี้ยังต้องสมมติด้วยว่าไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสตามฤดูกาลที่เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น หากเป็นไปตามสมมติฐานเช่นนี้ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ในกรณีนี้ การพบผู้ป่วยก็จะยังเพิ่มขึ้นเพราะว่าไวรัสนี้ติดต่อได้ง่ายผู้คนจะยังมีความตื่นตระหนกอยู่และมีความต้องการซื้อน้อยลง อย่างไรก็ดีความไว้วางใจของประชาชนกลับมาได้อย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์หรือสองสัปดาห์

แม้ไวรัสจะยังแพร่อยู่ แต่เมื่ออัตราการเสียชีวิตในเด็กแลวันทำงานต่ำคงที่อย่างนี้ คนก็จะกังวลก็จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ผู้ใหญ่วัยทำงานอาจยังคงเป็นห่วงพ่อ-แม่ผู้สูงอายุ ทำให้ยังดูแลสุขภาพคนเหล่านี้อยู่ ส่วนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนที่มีโรคปประจำตัวก็จะหยุดทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่คนที่อยู่นอกเขตการแพ่ระบาดก็จะกลับมามีชีวิตปกติดังเดิม

ในกรณีนี้เชื่อว่าคนอายุน้อยก็ได้รับผลกระทบมากพอที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวัน เช่น อาจจะล้างมือมากขึ้น แต่จะไม่เปลี่ยนมากถึงขนาดหวาดระแวงหรือยอมเลิกไปทำงานหรือไปเรียนเพื่อป้องกันโรค

ในสถานการณ์นี้ McKinsey ร่วมมือกับ Oxford Economics สร้างโมเดลขึ้นมาแล้วพบว่า การเติบโตของ GDP ทั่วโลกในปี 2020 จะตกมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ คือประมาณ 2.5% ไปจนถึง 2.0% ปัจจัยใหญ่ที่สุดก็คือการที่การขยายตัวของ GDP ของจีนตกลงจาก 6% มาเป็น 4.6% ในเอเชียตะวันออก GDP โตลดลง 0.5% ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลก GDP จะโตน้อยลง0.3-0.5% เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาภายในเดือนมีนาคม ทำให้จีนกลับมาผลิตสินค้าต่าง ๆ ได้ใหม่ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะไม่กลับมาจนกว่าจะพ้นกลางปีไป

[2] เศรษฐกิจชะลอตัว
สถานการณ์นี้คือกรณีที่ประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถจะควบคุมโรคได้เร็วเท่าจีน ในยุโรปและสหรัฐฯจะยังคงมีการแพร่ระบาดในระดับสูงแต่ก็ยังควบคุมพื้นที่ได้ เพราะมีการจัดการอย่างเข้มแข็งจากภาครัฐ เอกชนและประชาชน รวมทั้งปิดโรงเรียน และยุติกิจกรรมที่คนรวมตัวกันมาก

สมมติฐานนี้อยู่ในกรอบของสถานการณ์ว่าสหรัฐจะพบผู้ป่วย 10,000 – 500,000 ราย โดยเชื่อว่า 50-40% ที่พบจะอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อาจจะมีกระจายเมืองอื่น ๆ ที่ละ 10-15% และมีเมืองเล็ก ๆ มี10-20 ราย และในแอฟริกา อินเดีย และพื้นที่ประชากรมมากอื่น ๆ ก็มีการระบาด แต่การแพร่ระบาดของไวรัสลดลงเมื่อซีกโลกเหนือเข้าฤดูใบไม้ผลิ

หากเป็นไปตามนี้ พฤติกรรมของคนในบริเวณที่มีการแพร่ระบาดจะเปลี่ยนมากนานถึง 6-8 สัปดาห์ และในเมืองใกล้เคียงชีวิตประจำวันจะเปลี่ยน 3-4 สัปดาห์

ผลทำให้การเติบโต GDP โลกในปี 2020 ตกลงกว่าครึ่ง กลายเป็นโตเพียง 1-1.5% ทำให้โลกเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจโตช้า แต่ก็ไม่ถึงกับภาวะถดถอย

ในกรณีนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกจะกระทบบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางเป็นพิเศษ ประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และไม่ได้กระทบเท่ากันทุกอุตสาหกรรม ภาคบริการ สายการบิน การเดินทาง และการท่องเที่ยวจะกระทบหนักสุด สายการบินต่าง ๆ เริ่มลดเที่ยวบินแล้ว ในกรณีนี้สาการบินต่าง ๆ จะไม่ได้ทำกำไรในช่วงไฮซีซันอย่างฤดูร้อน ทำให้อาจล้มละลายได้ เช่นกรณีที่เกิดกับสายการบิน FlyBe มาแล้ว

ความต้องการในการบริโภคลดลงและเกิดขึ้นใหม่ช้า หมายความว่าบริษัทที่เป็นผู้บริโภคหลายรายรวมถึงบริษัทอื่น ๆ ในสายพานการผลิตนี้ที่สายป่านไม่ยาวพอจะกระทบหนัก แต่ความต้องการในการบริโภคจะกลับมาในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนทันทีที่ไวรัสหายไป

ส่วนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ จะได้ผลกระทบจากการที่ GDP ของแต่ละประเทศและGDP ไม่โต มากกว่าที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค กลุ่มเชื้อเพลิงเป็นต้น จะได้รับผลกระทบจากการที่ราคาน้ำมันต่ำกว่าที่คาดการณ์จนกว่าจะเข้าไตรมาสที่ 3

[3] เศรษฐกิจถดถอย

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าโรคนี้จะระบาดไปทั่วโลกในลักษณะ Pandemic และไม่หายไปตามฤดูกาล

ถ้าเป็นไปตามสมมติฐานนี้จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงไปจนถึงกันยายนจนระบบสาธารณสุขทั่วโลกรับไม่ไหว และทำให้คนไม่กลับมาบริโภคหลังผ่านกันยายน-หรือนานกว่านั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะคล้ายคลึงกับกรณีที่ 2 แต่จะรุนแรงถึงขนาดทำให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยในปี 2020 อาจติดลบ 1.5% หรืออาจโตต่ำกว่า 0.5%

นี่คือการคิดคำนวนในวันที่ 9 มีนาคม 2563 ซึ่งตัวแปรที่อาจจะเปลี่ยนสมการเหล่านี้ได้คือ

1.ไวรัสจะหายไปด้วยฤดูกาลหรือเปล่า

2.มีผู้ติดเชื้อที่ไม่สามารถตรวจจับได้มากแค่ไหน และ

3.คนไม่แสดงอาการแพร่เชื้อได้หรือไม่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า