Meta ยอมรับ ฮาร์ดแวร์ตอนนี้ยังไม่พร้อมสู่เมตาเวิร์ส ต้องใช้เวลาอีกหลายปี

Meta นำโดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โชว์โปรโตไทป์ VR headset ชุดใหญ่ ฝังเทคโนโลยีใหม่ ให้การท่องโลกเมตาเวิร์สสมจริงมากขึ้น แต่โมเดลเหล่านี้ยังเป็นแค่โปรโตไทป์หรือโมเดลต้นแบบ ที่ต้องใช้เวลาพัฒนาอีกนาน เพื่อให้เมตาเวิร์สนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด

ซึ่งการทำให้เมตาเวิร์สสมบูรณ์นั้น มาร์กบอกว่า ต้องมี 4 เทคโนโลยีหลักๆ คือ ความละเอียดสูง เพื่อให้ใช้งานและมองเห็นชัดได้แบบไม่ต้องใช้แว่นสายตา, การมองเห็นแบบชัดลึก, การติดตามดวงตา ที่ให้เรามองวัตถุใกล้ไกลได้ ซึ่งจะต้องแก้ไขเรื่องความเพี้ยนของแสง ที่ยังเป็นปัญหาในฮาร์ดแวร์ปัจจุบันด้วย

และสุดท้ายคือ ต้องนำ HDR หรือ high dynamic range เข้ามาใช้ใน headset ให้ความสว่าง เงา และความลึกของสีที่สมจริงยิ่งขึ้น ซึ่ง HDR  เป็นเทคโนโลยีจอภาพของสมาร์ททีวีและจอมอนิเตอร์รุ่นใหม่ๆ อยู่แล้ว และให้ภาพที่ดีกว่าจอ LCD 

ซึ่งทั้งหมดนี้ ต้องรวมอยู่ใน headset ที่เบาด้วย เพราะถ้าหนักเกินไปก็ไม่มีประโยชน์ 

ทาง Meta ได้เผยโมเดลตัวใหม่ๆ หลายรุ่น เริ่มจาก Holocake 2 ที่มีขนาดเล็กและเบากว่า Oculus รุ่นเก่าๆ 

ถัดมาคือ Butterscotch ที่มาร์กบอกว่าสามารถแสดงผลได้ใกล้ความละเอียดของจอตา สามารถอ่านบรรทัดล่างสุดของการทดสอบสายตาใน VR ได้

ส่วนโมเดล Starburst HDR สามารถทำได้เหนือกว่าด้วยการติดตั้งพัดลมระบายความร้อนและกลไกต่างๆ ในตัวแว่น ให้ความสว่างได้ถึง 20,000 นิต แต่จุดอ่อนคือ ตัวฮาร์ดแวร์ยังใหญ่เทอะทะ ซึ่งต้องวิจัยแก้ไขกันต่อ

โมเดล Mirror Lake ตัวนี้มีรูปร่างคล้ายแว่นเล่นสกี ซึ่งมาร์กให้ภาพรวมว่า Mirror Lake จะรวมเอาเทคโนโลยีสี่อย่างที่กล่าวไว้มารวมอยู่ในตัวนี้ และจะเพิ่มจอด้านนอกให้คนอื่นรู้ว่าเราทำสีหน้า และสายตายังไงด้วย 

Mirror Lake ยังเป็นแค่แนวคิด ยังไม่มีโมเดลออกมาจริงๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาพัฒนาหลายปี 

เส้นทางสู่เมตาเวิร์สของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เพราะไม่มีใครรู้ว่าเมตาเวิร์สจะเป็นการสื่อสารออนไลน์แบบใหม่แทนโซเชียลมีเดียจริงรึเปล่า

รวมถึงคำถามว่า ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่ล้ำขนาดไหน ถึงจะทำให้การอยู่บนเมตาเวิร์สเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ไม่สร้างผลกระทบต่อร่างกาย คอ สายตาที่ต้องทำงานหนักขึ้นเมื่อสวมแว่น

ที่มา : Engadget, Washington Post