SHARE

คัดลอกแล้ว

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยตำรวจขู่ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาอาสาพยาบาลที่ถูกทำร้าย ขณะที่ตำรวจอ้าง จากการตรวจสอบอาสาพยาบาลไม่ใช้แพทย์หรือพยาบาลเป็นเพียงหนึ่งในผู้ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดทวิตเตอร์ DNA บุคลากรทางการแพทย์​และอาสาสมัคร @VolunteerMedTH ออกมาโต้แย้งว่า ผู้บาดเจ็บไม่ได้เป็นแพทย์ หรือ พยาบาล แต่เป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ของทีม ที่สมัครเข้ามาเพื่อมาดูประชาชนหรือใครก็ตามที่เจ็บป่วยในพื้นที่ชุมนุม

จากกรณีกลุ่มราษฎร จัดกิจกรรม ‘นับหนึ่งถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน’ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพฯ ในช่วงค่ำที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว 4 แกนนำ โดยมีการรื้อกระถางต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนใช้ผ้าแดงคลุมโดยรอบ ก่อนจะเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนหรือ กองร้อยคฟ. มีการปาระเบิดปิงปองเสียดังสนั่น และเกิดการชุลมุนขึ้น จนแกนนำต้องการประกาศให้ยุติการชุมนุมเวลา 22.22 น.

ต่อมาผู้ใช้ทวิเตอร์ Guard.PlodAek โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “ทีมแพทย์โดนกระทืบ บาดเจ็บสาหัส คฝ. = อันตพาล #ม็อบ13กุมภา The medical team got stomped. Seriously injured !!!!!!!!!!!!! Khor. = An Tal #ม็อบ13กุมภา พร้อมกับภาพของทีมแพทย์อาสาที่กำลังได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันทวิตเตอร์ของ “DNA บุคลากรทางการแพทย์​และอาสาสมัคร” ก็ได้โพสต์ข้อความ แสดงจุดยืนในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยไม่สนใจว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ก่อนจะโพสต์คลิปวีดีโอความยาว 1.45 นาที โดยระบุข้อความว่า ล้อมรถแพทย์ทั้งๆที่ ดูแล มวลชน เพื่อให้มวลชน กลับอย่างปลอดภัย #ม็อบ13กุมภา ขณะที่ภาพเป็นเหตุการณ์ที่ทีมแพทย์อาสาฯ กำลังขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมหยุดขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะเข้าไปเคลียร์ขอทางรับตัวหนึ่งในสมาชิกที่บาดเจ็บอยู่ในกลุ่ม นำตัวออกมารักษา  โดยก่อนหน้านี้ได้มีการโพสต์รูปของแพทย์อาสารายหนึ่งกำลังนอนหมดสติเพราะอาการบาดเจ็บ ซึ่งในทวิตเตอร์ได้ระบุว่า คุณ ทำอย่างนี้กับทีมแพทย์หรอ #หยุดคุกคามประชาชน #หยุดทำร้ายทีมแพทย์

ขณะที่ทวิตเตอร์ของ Sasinan.T ซึ่งเป็นทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า ตำรวจพยายามเจรจากับเรา เรื่องน้องอาสาพยาบาลที่โดนทำร้าย ไม่ให้เอาเรื่องตำรวจ แต่ทางทนายไม่ยอมตำรวจ จึงจะทำบันทึกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เราพยายามหาทางออกให้ ออกมายอมรับผิดและขอโทษ ภาพจะออกมาดีกว่านี้ แต่นี่ตำรวจกลับข่มขู่ว่าถ้าจะแจ้งความเอาเรื่อง ตำรวจก็จะทำบันทึกจับกุม และสอบเป็นผู้ต้องหา

ขณะเดียวกัน วันที่ 14 ก.พ. 2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์  พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  ชี้แจงว่าตำรวจมีการตั้งจุดคัดกรองโดยรอบ และมีการประกาศแจ้งเตือนเป็นระยะ ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตาม พรก.ฉุกเฉิน และ พรบ.ควบคุมโรค ต่อมามีการปิดเส้นทางจราจร กระทั่ง 18.00น. กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมชักชวนให้เดินทางไปศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ตำรวจจึงต้องตั้งแนวกำหนดอาณาเขต เมื่อผู้ชุมนุมมาถึง มีการขว้างปาสิ่งของ ก้อนหิน ขวดน้ำ และวัตถุระเบิดแรงดันต่ำ ซึ่งเป็นระเบิดปิงปอง เป็นเหตุให้มีตำรวจบาดเจ็บ 23 นาย ส่วนใหญ่มีอาการไม่ได้ยินเสียง คาดว่าแก้วหูฉีกขาด โดนเหล็กแหลม ก้อนหิน และระเบิดแรงดันต่ำ และเมื่อมีกาประกาศยุติการชุมนุม ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนอยู่ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังคงวุ่นวายและชุมนุมต่อจนครบ 30 นาที เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้การผลักดัน แต่ยืนยันไม่ได้ใช้น้ำฉีด แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง

เบื้องต้น หลังเกิดเหตุควบคุมได้ 11 ราย โดย 3 รายเป็นกลุ่มที่ไม่ได้อยู้ในการชุมนุม แต่เมาสุรา จึงเปรียบเทียบปรับ และปล่อยตัวไป ส่วนอีก 8 ราย เป็นกลุ่มผู้ชุมนุม มีความผิดตาม  พรก. ฉุกเฉิน และ พรบ. โรคติดต่อ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน  ขณะนี้ถูกคุมตัวอยู้ที่ ตชด.ภาค 1 ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายทรัพย์สิน จากการรื้อถอนสิ่งของรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมไปถึงกลุ่มที่ทำร้ายเจ้าพนักงาน ขว้างปาสิ่งของด้วยขวด ระเบิด ก้อนหิน

ส่วนกรณีบุคคลที่ระบุว่าเป็นแพทย์อาสาที่อ้างว่าถูกตำรวจกระทืบ จนมีการติดแฮชแทค จากกการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่ได้มีอาชีพพยาบาล หรือแพทย์ตามที่กล่าวอ้าง  และตำรวจมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่ก่อความวุ่นวาย ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าชายรายนี้ พบอาวุธซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อกั๊กพยาบาลด้วย

สำหรับเหตุความวุ่นวายในพื้นที่ สน.นางเลิ้ง บริจวณสะพานผ่านฟ้า เกิดขึ้นเวลา 21.00น. ตำรวจ นางเลิ้ง รับแจ้ง มีการยิงกันเมื่อไปถึง รับแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุยิงอยู่ไนร้านสะดวกซื้อ ตำววจจึงพยามควบคุมตัว แต่ถูกการ์ด และผู้ชุมนุมขัดขวาง และพยามชิงตัวผู้ต้องสงสัย จนมาถึงที่ สน. เป็นเหตุให้ตำรวจชุดสืบสวนต้องใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อระงับเหตุ

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ไม่ไช่ผู้ก่อเหตุยิง โดยมีพยานหลักฐานเป็นพยานบุคคล และกล้องวงจรปิด ยืนยันบุคคลดังกล่าวมารับประทานที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น ส่วนผู้ก่อเหตุตัวจริงยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ และติดตามตัว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเขม่าด์นปืน และอยู่ระหว่างรอผล

ส่วนกรณีที่ผอดีตผู้เข้าประกวดนางงาม โพสต์ข้อความว่า ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ยืนยันว่า ไม่มีการใช้แก๊สน้ำตา แต่หากเจ้าตัวอยากเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ปากคำ ก็ยินดี และจะเป็นประโยชน์อย่างมาก

สำหรับการนัดชุมนุมในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ผบช. น. ขอความร่วมมือ งดการชุมนุมในช่วงนี่มี การระเบิดของโควิด รวมถึงเข้าข่ายความผิด พวก.ฉุกเฉิน และหากมีการชุมนุมก็ขอให้ความร่วมมือในการผ่านจุดคัดกรอง และปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ไม่ให้เกิดความรุนแรงเช่นนี้อีก  นอกจากนี้ สำหรับคดีการชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา จะออกหมายเรียกผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่ขึ้นเวทีปราศรัย 3 คน มารับทราบข้อหาไนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ในเวลา 10.00น. ที่ สน.ปทุมวัน

ส่วนเหตุการณ์ชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พนักงาานสอบสวน ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม 12 คน ให้มรรับทราบข้อหา ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00น. ที่ สน.ยานนาวา ในจำนวนนี้มีแกนนำ 3 คน คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน  นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ และ นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง

ภายหลังจากตำรวจได้แถลงการณ์ว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หมอและพยาบาลนั้น ล่าสุด ทวิตเตอร์ DNA บุคลากรทางการแพทย์​และอาสาสมัคร @VolunteerMedTH ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ขออนุญาตใช้พื้นที่ชี้แจงเบื้องต้นว่า ‘น้องที่ถูกควบคุมตัว’ เป็น 1 ในสมาชิกทีมแพทย์อาสาฯ(DNA) “น้อง” ไม่ได้เป็นแพทย์ หรือ พยาบาล แต่น้องเป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ของทีม DNA ที่สมัครเข้ามาเพื่อมาดูประชาชนหรือใครก็ตามที่เจ็บป่วยในพื้นที่ชุมนุม

ต่อมาได้มีการแถลงการณ์จากลุ่มราษฎร โดยระบุว่า จากกรณีที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม ณ บริเวณ หน้าศาลฎีกาและบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง ในช่วงเวลาค่ำ ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยปรากฏการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน ซึ่งต่อมามีรายงานการใช้กำลังทำร้ายและเข้าจับกุมประชาชน และมีการใช้กำลังประทุษร้ายหน่วยแพทย์ในที่ชุมนุม

กิจกรรมภายในวันนี้ราษฎร ได้เริ่มต้นกิจกรรมโดยการระดมพลในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15:00 น. และถัดมาได้มีการดำเนินกิจกรรมการรื้อกระถางต้นไม้ ในเวลา 17:30 น. โดยในเวลาต่อมาราษฎรได้มีการเดินขบวนในเวลา 18:00 น. โดยได้ทำการเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาถึงที่บริเวณหน้าศาลฎีกาใกล้ท้องสนามหลวง ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้มีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ และได้ทำการยุติการชุมนุมตอนเวลา 20:00 น.

ราษฎร ขอยืนยันในหลักการของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง  ซึ่งได้ประกาศ ณ ที่ชุมนุมว่า มวลชนสามารถตอบโต้หากมีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐได้ ซึ่งได้แก่วิธีการอื่นใดอันไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในทางกายภาพต่อปัจเจกบุคคล

ราษฎร ยืนยันในหลักการและแนวทางของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และการจับกุมอย่างไม่เลือกหน้าเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ถึงที่สุดพวกเราขอยืนยันว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดที่จะสู้จนกว่าจะไม่มีประชาชนคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าประชาชนในประเทศนี้จะมีความเสมอภาคเป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า