SHARE

คัดลอกแล้ว
รมว.ยุติธรรม ยกกรณี อดีตผู้กำกับโจ้ เป็นกรณีศึกษาคดีซ้อมทรมาน เร่งผลักดันกฎหมาย คุ้มครองพยาน และ กฎหมายป้องกันปราบปรามการซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ให้สำเร็จทั้ง 2 ฉบับ
 
วันที่ 28 ส.ค. 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กรณีตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ต้องหาจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ถือเป็นกรณีศึกษา สังคมตั้งคำถามว่าปล่อยให้มีการกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน และจะมีแนวทางแก้ไขเรื่องลักษณะแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ
 
กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา ซึ่งอยู่ในชั้นการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการ และ ร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวาระแรก เนื่องจากประเทศไทยเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ตั้งแต่ เดือน ต.ค. 2550 ซึ่งต้องมีการจัดทำกฎหมายลักษณะดังกล่าว แต่เวลาผ่านมานานก็ยังไม่สำเร็จ โดยจะพยายามทำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับให้สำเร็จให้ได้
 
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สังคมบางส่วนอาจคิดว่าประมวลกฎหมายอาญาก็ใช้ได้ แต่ตนเองมองเห็นจุดอ่อนที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกระทำ ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้ต้องมีกฎหมายเฉพาะ ทำให้สมเหตุสมผลกับการกระทำ อย่างกรณีที่ จ.นครสวรรค์ ถือเป็นกรณีศึกษา เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำกับบุคคลอื่น หากมีการสืบสวน ทำสำนวนแล้ว ถ้าจำเลยเป็นพวกตนเองก็อาจจะทำสำนวนให้อ่อนและฟ้องในมาตราที่มีโทษต่ำกว่าที่ควรเป็น ซึ่งการทรมานหรือทำให้บุคคลสูญหาย มีโทษตั้งแต่จำคุก 5 ปี – ตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท มีอายุความตั้งแต่ 10 – 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา
 
โดยกรณีอุ้มหายต้องตามหาจนกว่าจะพบตัวหรือรู้ชะตากรรม ซึ่งร่างกฎหมายการป้องกันการทรมานมีการเสนอถึงมือวิปรัฐบาลตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 รัฐบาลชุดนี้มีการเร่งจัดทำกฎหมายหลายฉบับให้ได้ออกมาบังคับใช้สำเร็จ โดยกฎหมายการป้องกันทรมาน เป็นกฎหมายคดีพิเศษ เมื่อร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสภาจะไปเป็นประธานกมธ. เองด้วย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า