สรุปการชุมนุม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” – เหตุปะทะสน.ปทุมวัน

ชุมนุม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” หวิดเดือดหลังรุ้งประกาศเคลื่อนพลไปสน.ปทุมวัน ก่อนมีปะทะโดยมีการใช้แก๊สน้ำตา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 การชุมนุม “รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ” เริ่มต้นขึ้นเวลา 16.00 น. ที่สกายวอล์กปทุมวัน โดยประชาชนนำเครื่องครัว เช่น หม้อ กะทะ ถาด ร่วมเคาะเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลคล้ายการแสดงออกต่อต้านรัฐประหารของชาวเมียนมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนผู้ชุมนุมย้ายจุดมาชุมนุมบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกทม.

ช่วงต้นของการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเตรียมกำลังหน่วยควบคุมฝูงชนพร้อมด้วยรถฉีดน้ำแรงดันสูงจำนวน 2 คัน ที่บริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ และกั้นพื้นที่การชุมนุมด้านบนสกายวอล์ก หากเข้าพื้นที่ต้องผ่านการตรวจกระเป๋า

การปราศรัยเริ่มที่เวลา 16.30 น. โดยเนื้อหาการปราศรัยหลักคือประเด็นแรงงานและปากท้อง นำโดย ธนพร วิจันทร์ จากกลุ่มแรงงานเพื่อสิทธิพลเมือง โดยมีกลุ่มอื่น ๆ เช่น ศรีไพร นนทรีย์ ร่วมปราศรัย ขณะที่สถานการณ์ 2-3 วันก่อนหน้ามีการขัง 4 แกนนำระหว่างการพิจารณาคดีม.112 ทำให้มีการปราศรัยเรียกร้องให้ยกเลิกการเอาผิดตามกฎหมาย 112 เข้ามาด้วย

ตลอดการชุมนุมบริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรม กทม. ชาวเมียนมากว่า 100 คนร่วมใช้พื้นที่ชุมนุมส่งเสียงเรียกร้องให้ยุติการรัฐประหารในเมียนมาและปล่อยตัวนางอองซานซูจี โดยได้ปราศรัยเป็นภาษาเมียนมาคู่ขนานไปกับการปราศรัยหลัก

ระหว่างการชุมนุมมีผู้ถูกจับกุมในบริเวณโดยรอบอย่างน้อย 8 ราย จากกรณีการฉีดสเปรย์ในบริเวณการชุมนุม และการครอบครองเสื้อเกราะ เป็นต้น

เวลา 19.30 น. รุ้ง ปนัสยา แกนนำกลุ่มราษฎรจึงชักชวนผู้ชุมนุมเดินเท้าไปยังสน.ปทุมวันเพื่อทวงถามและเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม มีการปราศรัยหน้าสน.ปทุมวันโดยผู้ชุมนุมเข้าร่วมและนั่งลงเพื่อความเป็นระเบียบ

เวลาประมาณ 20.15 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนตั้งแถวบริเวณถนนจุฬาฯ 100 ปี ระหว่างสวนหลวงสแควร์และไซวอล์ก ทำให้เกิดเหตุปะทะกับผู้ชุมนุม มีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น 4 ครั้ง ห่างกันครั้งละไม่ถีง 5 นาที ก่อนที่มวลชนจะผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมกันเองออกจากบริเวณไป ระหว่างนั้นเกิดกลิ่นฉุนแก๊สน้ำตา โดยมีกระป๋องแก๊สน้ำตาตกในที่เกิดเหตุ ขณะนี้ยังไม่มีการระบุที่มาว่ามาจากฝ่ายใด

ต่อมาผู้ชุมนุมจำนวนมากกรูเข้าล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้มีการเจรจาเปิดทาง โดยผู้ชุมนุมควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่ตรวจตกลงถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายในเวลา 21.30 น.