Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นาทีนี้หากพูดถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือวัคซีนจากบริษัท ‘โมเดอร์นา’ ที่ปัจจุบันมียอดสั่งซื้อวัคซีนแล้วมากกว่า 600 ล้านโดส

และแน่นอนว่า นอกจากจะช่วยผู้คนได้มากมาย วัคซีนเหล่านี้สร้างรายได้ให้กับบริษัทมหาศาล รวมถึงหนุนให้มูลค่าบริษัทของโมเดอร์นาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงชั่วพริบตา

อย่างไรก็ตาม ถ้าย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2562 ที่ถึงแม้บริษัทจะมีมูลค่าราว 6.5 พันล้านเหรียญแล้ว แต่ชื่อของโมเดอร์นายังไม่อยู่ในลิสต์บริษัทที่น่าจะประสบความสำเร็จของหลายคนเลยด้วยซ้ำ

เนื่องจากสตาร์ทอัพไบโอเทคอายุกว่า 10 ปีรายนี้ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์สักชิ้นเดียวที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้วางจำหน่ายได้ และตั้งแต่ IPO ในเดือน ธ.ค. 2561 ราคาหุ้นของโมเดอร์นาก็แทบไม่ขยับไปไหน

แล้วพวกเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ลองมาดูเส้นทางความสำเร็จของพวกเขากัน

ย้อนไปในปี 2553 โมเดอร์นาที่ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า ModeRNA Therapeutics ก่อตั้งขึ้นโดยนักชีววิทยาสเต็มเซลล์อย่าง ‘เดอร์ริค รอสซี’ ร่วมกับเพื่อนจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอีก 3-4 คน

จุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากการสำรวจความเชี่ยวชาญของตนเอง และดูว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งนั้นได้อย่างไร ซึ่งขณะนั้นรอสซีที่มีความสามารถในเทคโนโลยี mRNA อยู่แล้ว เมื่อรวมกับสมมติฐานที่พวกเขาสงสัยว่าร่างกายมนุษย์สามารถถูกกระตุ้นให้เกิดการรักษาภายในตัวเองได้หรือไม่

พวกเขาจึงมองว่า นี่น่าจะเป็นวิธีที่สามารถนำเทคโนโลยี mRNA มาประยุกต์ใช้ในการบำบัดรักษาโรค และผลิตวัคซีนได้

ภารกิจที่ชัดเจน นำมาซึ่งเม็ดเงินลงทุนก้อนแรกจากเวนเจอร์แคปิตอลที่มุ่งลงทุนในบริษัทไบโอเทคอย่าง Flagship Ventures (ในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Flagship Pioneering) ของ ‘นูบาร์ อะเฟยัน’ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโมเดอร์นาอีกคนหนึ่งด้วย

เงินลงทุนในช่วงแรกใช้ไปกับการหาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย ขณะที่ทีมงานก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับงานวิจัยใหม่ๆ ที่โฟกัสในการนำ mRNA ไปใช้เปลี่ยนแปลงเซลล์มากขึ้น

การตั้งต้นเป็นบริษัทจริงๆ เริ่มขึ้นในปี 2554 โดยโมเดอร์นาได้ ‘สเตฟาน บันเซล’ มานั่งตำแหน่งซีอีโอ

เช่นเดียวกับสตาร์ทอัพอื่นๆ การเดินหน้าหาเงินจากนักลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพียง 2 ปีให้หลัง คือในปี 2556 โมเดอร์นาได้รับเงินลงทุนก้อนโตจากแอสตร้าเซเนก้าจำนวน 240 ล้านเหรียญ สำหรับสัญญา 5 ปี ในการคิดค้นและพัฒนาการใช้ mRNA เพื่อรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็ง

หลังจากนั้นโมเดอร์นาก็ได้รับการลงทุนอีกหลายครั้ง อาทิ

-ปี 2557 การลงทุนจาก Merk มูลค่า 50 ล้านเหรียญ ในการร่วมกันพัฒนาวิธีรักษาโรคติดเชื้อ

-ปี 2557 การลงทุนจาก  Alexion Pharmaceuticals มูลค่า 100 ล้านเหรียญ ในการพัฒนาวิธีรักษาโรคหายากบางชนิด

-ปี 2558 การลงทุนจากมูลนิธิ Bill & Melinda Gates มูลค่า 100 ล้านเหรียญ สำหรับการวิจัยโรค HIV/AIDs

กระทั่งในปี 2561 โมเดอร์นาก็เข้าสู่ตลาด และ IPO เป็นครั้งแรกในเดือน ธ.ค.นั่นเอง และปัจจุบันมีงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนรวมถึงแนวทางการรักษาที่อยู่ในขั้นการทดลองแล้วมากกว่า 20 ตัว

เมื่อโควิด-19 ระบาดขึ้น การมุ่งโฟกัสเฉพาะการสร้างวัคซีนและแนวทางการรักษาโดยใช้ mRNA ทำให้โมเดอร์นามีความเชี่ยวชาญมากพอที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปสู้กับโควิด

ประกอบกับโมเดอร์นาเองก็กำลังทดสอบวัคซีนในชั้นคลินิกถึง 2 ตัว คือ วัคซีนโรคระบบทางเดินหายใจอย่าง MERS และโรคไข้ซิก้าที่มียุงเป็นพาหะ

เมื่อได้รับรหัสพันธุกรรมเชื้อโควิดจากจีนในวันที่ 11 ม.ค. 2563 โมเดอร์นาเรียกได้ว่าอยู่ในสถานะที่พร้อมพัฒนาวัคซีนโควิดในทันที เปรียบเสมือนพ่อครัวที่ตั้งเตาไว้เรียบร้อยแล้ว รอเพียงส่วนผสมมาปรุงเท่านั้น

และเพื่อให้การพัฒนาและทดสอบเป็นไปอย่างราบรื่น โมเดอร์นาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเริ่มการทดลองในชั้นคลินิกได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าจะถามว่าเร็วแค่ไหน? คงต้องบอกว่าเป็นความเร็วที่น่าตกใจเลยทีเดียว เพราะหลังจากผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ประกาศให้โควิดเป็นภาวะฉุกเฉินได้ 1 สัปดาห์ วันที่ 10 มี.ค. โมเดอร์นาก็เริ่มทดลองชั้นคลินิกในเฟส 1 โดยฉีดวัคซีนให้ผู้ทดลอง 45 คน

ขณะที่รัฐบาลกลางเปิดตัวโครงการ Operation Warp Speed ในช่วงกลางเดือน พ.ค. เพื่อเร่งพัฒนาการทดสอบการรักษาและวัคซีนโควิด

ซึ่งโครงการดังกล่าวทำให้โมเดอร์นาได้รับเงินทุนจากรัฐบาลสูงถึง 4,000 ล้านเหรียญ เพื่อแลกกับวัคซีน 200 ล้านโดส ทำให้โมเดอร์นาต้องเร่งขยายโรงงานผลิตในนอร์วูด เนื่องจากในตอนแรกโรงงานนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ผลิตวัคซีนรักษาโรคมะเร็งในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น

และในปลายเดือน ก.ค. โมเดอร์นาก็เริ่มทำการทดลองชั้นคลินิกในเฟสที่ 3 ซึ่งทำการทดลองในอาสาสมัคร 30,000 คน

การทดลองดำเนินไปจนกระทั่งเดือน พ.ย. โมเดอร์นาได้ประกาศความสำเร็จในการทดลองวัคซีน ตามหลังไฟเซอร์เพียงไม่กี่วัน โดยวัคซีนของโมเดอร์นาให้ประสิทธิภาพสูงถึง 94.5%

โมเดอร์นายังได้รับคำสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากรัฐบาลสหรัฐฯ, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น, แคนาดา ฯลฯ โดยในเดือน ก.พ. 2564 โมเดอร์นาระบุว่ามียอดสั่งซื้อวัคซีนที่คอนเฟิร์มแล้ว 641.5 ล้านโดส

โมเดอร์นายังคาดการณ์ว่าดีมานด์ของวัคซีนน่าจะยังมีต่อเนื่องไปอีก ทำให้บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่ม โดยในปีนี้คาดว่าจะผลิตวัคซีนได้ราว 800-1,000 ล้านโดส และเพิ่มเป็น 3,000 ล้านโดสในปี 2565

แล้วความสำเร็จจากวัคซีนโควิด สร้างรายได้ให้โมเดอร์นาได้เท่าไหร่

ไตรมาส 4/62 มีรายได้ 14 ล้านเหรียญ ไตรมาส 4/63 มีรายได้ 571 ล้านเหรียญ

ไตรมาส 1/63 มีรายได้ 8 ล้านเหรียญ ไตรมาส 1/64 มีรายได้ 1,900 ล้านเหรียญ

รายได้รวมของทั้งปี 2562 อยู่ที่ 60 ล้านเหรียญ ปี 2563 อยู่ที่ 803 ล้านเหรียญ

ส่วนในปี 2564 โมเดอร์นาคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายวัคซีนได้ถึง 19,200 ล้านเหรียญ

และตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา หุ้นของโมเดอร์นาก็ทะยานขึ้นอย่างไม่หยุด โดยครั้งหนึ่งพุ่งขึ้นไปมากกว่า 630% ส่งผลให้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ และปัจจุบันโมเดอร์นามีมูลค่าในตลาดอยู่ที่ราว 6.4 หมื่นล้านเหรียญ

นูบาร์ อะเฟยัน มองว่า ปัจจัยที่ส่งให้โมเดอร์นาความสำเร็จ ส่วนหนึ่งมาจากวิธีคิดแบบสตาร์ทอัพของพวกเขา นั่นคือการทำงานอันแสนเหนื่อยยากด้วยความเต็มใจ, กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน, ขับเคลื่อนองค์กรให้เร็ว และวิ่งตามเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว

รวมไปถึงการยึดมั่นในปรัชญาของวิทยาศาสตร์ คือ ‘ต้องเข้มงวดกับการวิจัยมากๆ’ และแม้ต้องทำอย่างรีบเร่ง ก็ต้องตระหนักว่าหลายอย่างก็อาจต้องใช้เวลาถึงจะสำเร็จได้

วันนี้แม้เรียกได้ว่าโมเดอร์นาประสบความสำเร็จแล้ว แต่ด้วยวัคซีนและการรักษาอื่นๆ กว่า 20 ชนิดที่อยู่ในไปป์ไลน์การทดลองของบริษัท ซึ่งหากการทดลองสำเร็จ จนได้รับการอนุมัติให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ โมเดอร์นาคงเติบโตไปได้อีกมากทีเดียว

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า