‘ไบเดน’ เตรียมต่อสายตรง ‘โมดี’ กดดันอินเดียลดนำเข้าน้ำมันรัสเซีย

ทำเนียบขาวเผย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะโทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีนาเรนทรา โมดี ของอินเดียในวันจันทร์ (11 เม.ย.) คาดกดดันให้อินเดียลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย 

วันที่ 11 เม.ย. 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของทำเนียบขาวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะโทรศัพท์หารือกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ เพื่อแสดงจุดยืนว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้อินเดียยกระดับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) ว่า “ประธานาธิบดีไบเดนจะเดินหน้าพูดคุยใกล้ชิดกับอินเดียเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากสงครามอันโหดร้ายของรัสเซียกับยูเครน และการบรรเทาผลกระทบจากสงครามซึ่งบั่นทอนเสถียรภาพของอุปทานอาหารและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก”

ทั้งนี้ การพูดคุยระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และอินเดียจะเกิดขึ้นก่อนการประชุม 2+2 ระหว่างนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย และนายราชนาถ สิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย จะเริ่มขึ้นในกรุงวอชิงตันดีซีของสหรัฐฯ ในวันเดียวกัน 

นายดาลีป ซิงห์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเพิ่งเดินทางเยือนอินเดียเมื่อเร็วๆ นี้ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะไม่กำหนดเส้นตายต่ออินเดียในเรื่องการนำเข้านำมันจากรัสเซีย แต่ต้องการแจ้งให้อินเดียรู้ว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการที่จะเห็นอินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มมากขึ้น

รายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า รัสเซียได้มอบข้อเสนอเป็นส่วนลดราคาน้ำมันดิบให้กับอินเดีย ภายหลังจากที่ถูกชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตร ทำให้อินเดียมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้น โดยจากข้อมูลที่รวบรวมมาพบว่า ตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนเมื่อวันที่  24 ก.พ. จนถึงขณะนี้ อินเดียได้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียมาแล้วเป็นปริมาณอย่างน้อย 13 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอินเดียน้ำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียรวมกันทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 16 ล้านบาร์เรล  

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดน เคยกล่าวถึงอินเดียว่า เป็นประเทศเดียวในกลุ่ม Quad ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย, อินเดีย และญี่ปุ่น ที่มีจุดยืนสั่นคลอนในการดำเนินการกับรัสเซียต่อกรณีการเข้ารุกรานยูเครน โดยอินเดียเป็นเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย 

ทั้งนี้ รัสเซียมีบทบาทเป็นแหล่งยุทโธปกรณ์ของอินเดียมาเป็นเวลานาน แม้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจะเริ่มมีการสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น แต่นักวิเคราะห์มองว่า ข้อเสนอการจัดซื้ออาวุธจากรัสเซียซึ่งมีราคาที่น่าดึงดูดใจมากกว่านั้น มีความสำคัญต่ออินเดีย โดยเฉพาะในขณะที่อินเดียต้องรับมือกับการเผชิญหน้าจากจีนซึ่งมีแสนยานุภาพทางทหารเหนือกว่า 

อย่างไรก็ตาม ดาลีป ซิงห์ ได้ยื่นข้อเสนอต่ออินเดียเมื่อครั้งเดินทางเยือนกรุงนิวเดลีเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สหรัฐฯ พร้อมมอบความช่วยเหลืออินเดียทั้งในเรื่องพลังงานและอุปทานที่จำเป็นต่อการป้องกันประเทศ โดยอินเดียถือเป็นประเทศที่นำเข้าและบริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลก 

ขณะเดียวกัน ดาลีป ซิงห์ ยังเตือนอินเดียด้วยว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการเห็นชาติพันธมิตรใดๆ เข้าไปช่วยกอบกู้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย ซึ่งเคยอ่อนค่าลงอย่างหนักในช่วงที่เกิดสงครามยูเครน และเพิ่งกลับมาฟื้นตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา 

ด้านหนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์ของอินเดียรายงานว่า นอกจากการหารือทางไกลระหว่างผู้นำสองประเทศ และการประชุมรัฐมนตรี 2+2 ในวันนี้แล้ว คาดว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดียจะได้พบปะกับรัฐมนตรีรายอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดีซีด้วย