SHARE

คัดลอกแล้ว

ตำรวจสอบสวนกลาง หอบเงินสดกว่า 63 ล้านบาท ถวายเงินคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม) หลังกลุ่มไวยาวัจกร-คนใกล้ชิด ยักยอก

วันที่ 23 พ.ย. 2564 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ประกอบด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.๑ บก.ปปป., พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสุขศิริพันธ์ ผกก.๒ บก.ปปป., พ.ต.อ.พยงศ์ เอี่ยมสกุล ผกก.3 บก.ปปป., พ.ต.อ.รัฐวุฒิ เจียมศรีพงษ์ ผกก.4 บก.ปปป., พ.ต.อ.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.ปปป. พร้อมกับพวก

ได้ประสานการปฏิบัติกับตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์, พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครสวรรค์ และ พ.ต.อ.อนุศักดิ์ เข็มทอง ผกก.สภ.ห้วยคต รรท.ผกก.สภ.หนองบัว

เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกลุ่มไวยาวัจกรของ วัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และคนใกล้ชิดพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงพ่อพัฒน์ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ว่ากลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และ คนใกล้ชิดซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดและมีฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า ทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ ซึ่งมีอายุมากกว่า  100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินผู้ใกล้ชิดของหลวงพ่อพัฒน์ฯ

ได้มีการลงพื้นที่ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่า หลวงพ่อพัฒน์ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีความเมตตาสูง จนทำให้มีประชนชนและลูกศิษย์ เลื่อมใส ศรัทธา เคารพนับถือจำนวนมาก จึงทำให้มีผู้มาขอให้หลวงพ่อพัฒน์ ปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ และถวายเงินแด่หลวงพ่อพัฒน์ เป็นเงินปีละกว่าร้อยล้านบาท หลวงพ่อจะนำเงินที่ได้รับถวายใช้ในการทำนุบำรุงศาสนาและให้หน่วยงานที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ เพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น วัด โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ จำนวนมาก โดยไม่ได้นำเงินไปใช้ในทางส่วนตัว

ได้ตรวจสอบกลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ, นางชัญญา และนางบุญเชิดฯ ทั้ง 3 ราย ประกอบอาชีพเกษตรกร ไม่ได้ประกอบอาชีพที่มีรายได้สูง พบว่า มีการนำเงินไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง จำนวน 7 บัญชี รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท เชื่อว่า เป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ จึงได้อายัติเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ และเข้าตรวจสอบภายในวัดห้วยด้วน พร้อมได้ตรวจยึดเอกสารและหลักฐานต่างๆ นำมาตรวจสอบ

สอบถามหลวงพ่อพัฒน์ ได้ความว่า เงินที่ได้รับการถวาย หลวงพ่อพัฒน์ จะให้กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดนำเงินไปฝากในบัญชีส่วนตัวเพื่อสะดวกในการเบิกเงินมาใช้ในการสร้างเจดีย์กลางน้ำและสาธารณประโยชน์ ซึ่งจำได้ว่ามอบเงินให้ไปฝากประมาณ 28 ล้านบาท เท่านั้น และเมื่อถึงกำหนดการจ่ายค่างวดก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำ หลวงพ่อพัฒน์ ได้ให้นายเสนาะฯ ไปถอนเงิน จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายให้กับผู้รับเหมา แต่นายเสนาะฯ ไม่ยอมถอนเงินมาให้ทำให้หลวงพ่อพัฒน์ ต้องหาเงินจากส่วนอื่นมาจ่ายค่าก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำแทน

จากการสืบสวนเบื้องต้นไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย รับว่า เงินจำนวน 63 ล้านบาท เป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์ และยินยอมทำบันทึกสมัครใจถอนเงินจำนวนดังกล่าวมาถวายคืนแด่หลวงพ่อพัฒน์ ส่วนเงินในบัญชีธนาคารของนายเสนาะฯ จำนวน 1 บัญชี เป็นเงิน 7.9 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ได้อายัติไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้ การกระทำของไวยาวัจกรวัดห้วยด้วน (ธารทหาร) ทั้ง 3 ราย ที่เป็นเจ้าพนักงาน ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ซึ่งพนักงานสอบสวนของ บก.ปปป. ได้แสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นไว้แล้วนั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ต้องส่งสำนวนการสอบสวนดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่ามีการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

 

ที่มา FB : ตำรวจสอบสวนกลาง 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า