มงคลกิตติ์ ประกาศยืนเดี่ยวเป็นฝ่ายค้านอิสระ-ไม่สนับสนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ

มงคลกิตติ์ นำกรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงแยกทางร่วมรัฐบาล เผย 4 เหตุผลอึดอัด ถูกบล็อกเวลาในสภาฯ-ผู้ใหญ่ของพรรคไม่มีสัจจะเรื่องตำแหน่ง 2 ครั้ง พร้อมประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 

วันที่ 13 ส.ค. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์พร้อมกรรมการบริหารพรรค แถลงข่าวแยกตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ ว่า ขอเปลี่ยนสถานะจากพรรคร่วมรัฐบาลเป็นฝ่ายค้านอิสระ ยืนค้านประชาชน หรือ ส.ส.ฝ่ายประชาชนอย่างเป็นทางการ แนวนโยบายต่อไปอะไรที่ถูกก็สนับสนุนรัฐบาล อะไรที่ผิดก็คัดค้าน อะไรที่ฝ่ายค้านทำถูกต้องก็จะสนับสนุนจะมีการตัดสินใจที่ค่อนข้างเป็นเอกเทศ จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ได้มีแค่ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน แต่ละมีฝ่ายค้านอิสระอีก 1 คน

นายมงคลกิตติ์ ระบุเหตุผลที่พรรคไทยศรีวิไลย์เข้าร่วมรัฐบาลมี 3 ข้อ คือ

1.ต้องการเปิดสวิตซ์ประเทศไทย ให้ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหกษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างสมบูรณ์

2.เพื่อนำนโยบายของพรรค ไปขับเคลื่อนให้เกิดผลสูงสุดต่อประชาชน

3.เพื่อให้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญ 2560 หายไป เพื่อเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ส่วนเหตุผลที่เปลี่ยนสถานะมี 4 ข้อ คือ

1. ในการทำงานในสภา รู้สึกไม่เป็นอิสระ มีการบล็อกไม่ให้พูดปรึกษาหารือหรือตั้งกระทู้สด ให้เวลาในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองน้อยมาก รู้สึกอึดอัด

2. พรรคพลังประชารัฐไม่ให้เกียรติ ไม่นำนโยบายของพรรคไทยศรีวิไลย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไปดำเนินการ กลับสวนทางกัน เช่น ผลักดันกาสรจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทย วงเงิน 1 แสน 5 หมื่น 6 พันล้านบาทโดยไม่รัดเข็มขัด ทั้งที่มีหนี้ขาดดุลต่อเนื่อง

2.2 แนวคิดหารายได้เพิ่มของ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยเสนอให้เพิ่มภาษีน้ำมันมองเป็นการซ้ำเติมความเป็นอยู่ของประชาชน

2.3 ออกนโยบายประชานิยมแบบหายนะ แจกเงินประชาชน โดยขาดวินัยการเงินการคลัง ถ้าจะแจกต้องจัดงบประมาณเกินดุล

2.4 รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะกู้เงินไอเอ็มเอฟ เป็นรอบ 2 เนื่องจาก มีหนี้เงินต้นค้างกับธนาคารต่างประเทศหลายประเทศ มีแนวโน้มที่จะกู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จะทำให้ไทยอยู่ในฐานะที่ถูกบีบบังคับให้ขายรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้า ปตท.

3. ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐไม่รักษาสัจจะในข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาแบบให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญตั้งแต่ต้นต้องให้เราเรียกร้อง ซึ่งปัจจุบันมันสายไปแล้ว
4. กรณีที่นายกรัฐมนตรีและครม. ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ 2560 อีกทั้งปัจจุบันยังไม่มีการแสดงสปิริตความรับผิดชอบทางการเมืองหรือแก้ไขให้ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามถึง 9 พรรคเล็กที่จะมีการแถลงข่าวท่าทีในวันนี้ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เป็นปัจเจกของแต่ละพรรค ตนได้ร่วมประชุมตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2562 รวมตัวกันเป็นกลุ่ม 10 ยืนยันมีความสัมพันธ์ที่ดี เพราะการทำงานในสภาฯ ต้องมีเพื่อน ที่สภาฯ ก็จัดที่นั่งให้ยังต้องนั่งด้วยกัน ทางพรรคพลังประชารัฐได้ส่งแกนนำหลายคนมาปรับความเข้าใจ  อาทิ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แต่นโยบายไม่เหมือนกัน

“พรรคไทยศรีวิไลย์ทางผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐรับปากว่ พรรคไทยศรีวิไลย์ได้ตำแหน่งฝ่ายบริหาร 1 ที่ แล้วพรรคอื่นไม่ได้ แต่เมื่อมีการออกมาชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนทราบว่าอึดอัดอย่างไร ถึงมาพูดคุยเจรจา แล้วก็ให้ตำแหน่งฝ่ายบริหาร ในส่วนของพรรคกลุ่ม 10 พรรค เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาต่อรองผลประโยชน์ ถ้าผมต่อรองผลประโยชน์ผมก็ต้องเอาผลประโยชน์สิ แล้วจะออกทำไมเหตุผลนี้น้อยมากประมาณ 15 เปอร์เซนต์เอง อีก 85 เปอร์เซ็นต์คือสิ่งที่ชี้แจงทั้งหมดว่า นโยบายพรรคทั้งสองพรรคมันขัดกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าผมอยู่รัฐบาลแล้วมีตำแหน่งฝ่ายบริหาร หรือคนในพรรคมีฝ่ายบริหารแล้วเขาจัดซื้อเครื่องบิน ผมขวางไม่ได้ก็ขัดกับนโยบายพรรค ขัดเจตนารมย์ของพรรค สมมุติถ้าจะกู้เงินไปเอ็มเอฟมาเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ผมก็ไม่เห็นด้วยอีก ไม่เห็นด้วยแล้วจะไปอยู่กับเขาทำไม”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ ได้โชว์พระเครื่อง คือ พระเครื่องที่มงคลกิตติ์ถือ คือ พระกริ่งปวเรศทองคำ เขาบอกว่ามีเอาไว้ป้องกันสิ่งชั่วร้าย