บวชพระเป็นอาชีพ ออกเรี่ยไรหาเงินไปต่างประเทศ

จับพระจริงนำวัตถุมงคลครูบาบุญชุ่มออกเรี่ยไรแลกกับเงิน พบประวัติหาเงินไปต่างประเทศแบบพลเรือนทั่วไป แต่ไปถึงห่มจีวรออกเรี่ยไรอีก รอบหลังปักหลักเช่าม่านรูดที่แม่สอดมา 5 วัน ได้เงินไปกว่า 2 หมื่นบาท

วันที่ 13 ก.ค. พระสมุห์มานพ ธีระภัทโธ พระวิญญาธิการ จ.ตาก , พระสมุห์สิริพงษ์ รองเจ้าอาวาสวัดท่าสายโทรเลข พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ป้อมยามสายตรวจ 407 ตำบลท่าสายลวด ร่วมกันนิมนต์ พระไพศาล อายุ 59 ปี ขณะกำลังนั่งบิณฑบาต และเรี่ยไรอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด หลังพลเมืองดีแจ้งว่ามีพระมาเรี่ยไรที่บริเวณสถานีขนส่งมาหลายวัน และยังส่งคลิปไปเป็นหลักฐานด้วย

จากนั้นนำตัวพระไพศาล ไปขยายผลตรวจค้นที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งใกล้สถานีขนส่งฯ ซึ่งเป็นที่พัก พบเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคลของครูบาบุญชุ่ม ,พระอื่นๆ , ซองผ้าป่าจำนวนมาก รวมทั้งสิ่งของบางอย่างที่สั่งมาทางขนส่งเอกชน นอกจากนั้น พบหนังสือเดินทางของพระไพศาล มีร่องรอยการประทับวีซ่าผ่านแดนมาหลายประเทศ คณะตำรวจพระจึงได้ทำการตรวจยึด และนำตัวไปสอบสวนทางพระที่วัดท่าสายโทรเลข

พระไพศาลสารภาพว่ามาเช่าห้องพักกว่า 5 วัน ออกเรี่ยไรได้เงินไปทั้งหมด กว่า 20,000 บาท ส่วนสาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะต้องการเป็นค่าเดินทางไปประเทศเมียนมา จากการตรวจสอบใบสุทธิพบว่าบวชมาตั้งแต่ปี 2556 เป็นเวลา 6 พรรษา มีบัตรนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัย และพบบัตรประจำตัวประชาชนถ่ายบัตรเมื่อปี 2560 หลังสอบสวนได้ส่งตัวพระไพศาลให้กับเจ้าคณะอำเภอพิจารณาโทษเพื่อจับสึกต่อไป

พระพระสมุห์สิริพงษ์ รองเจ้าอาวาสวัดท่าสายโทรเลข กล่าวว่า พระรูปนี้เป็นชาว กทม.บวชที่ จ.ชลบุรี และมีประวัติเดินทางไปหลายประเทศ ที่ผิดชัดเจน คือ รูปในหนังสือเดินทางแต่งกายเป็นพลเรือน จึงเข้าไปต่างประเทศแบบพลเรือน และเมื่อไปถึงต่างประเทศแล้วก็สวมจีวรออกเรี่ยไรเงิน ส่วนการเข้ามาที่อำเภอแม่สอด ก็ไปพักโรงแรม และไม่ได้ขึ้นทะเบียนวัดในพื้นที่ ซึ่งพระไพศาลสารภาพทั้งหมดและยอมสึก