SHARE

คัดลอกแล้ว

สหรัฐฯ ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับประเทศ หวังระดมทรัพยากรเร่งสกัดการระบาด หลังผู้ป่วยในประเทศทะลุ 6,600 รายแล้วในขณะนี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังพบการระบาดในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

นายซาเวียร์ เบเซอร์รา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HHS) เปิดเผยว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการยกระดับการรับมือกับโรคฝีดาษลิง ซึ่งจะเปิดทางให้มีการจัดสรรงบประมาณและมาตรการต่างๆ สำหรับการจัดการกับการแพร่ระบาดได้ดียิ่งขึ้น

“เราได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับการระบาดของไวรัสในระดับต่อไป และขอแนะนำให้ชาวอเมริกันทุกคนตระหนักถึงความสำคัญในการสกัดการระบาด และร่วมกันรับผิดชอบเพื่อรับมือกับไวรัสตัวนี้”

ปัจจุบันสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วมากกว่า 6,600 รายในประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขที่ต้องการให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้นเพื่อสกัดไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิม

แม้รัฐบาลจะดำเนินการกระจายวัคซีน “จินนิออส” (Jynneos) ไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาด แต่บรรดานักวิจารณ์มองว่า การจัดสรรวัคซีนยังมีข้อจำกัดมากมาย และเป็นความเคลื่อนไหวที่ช้ามาก จนทำให้การระบาดบานปลายออกไป

โดยปัจจุบันสหรัฐฯ ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงไปแล้วราว 600,000 โดส แต่ยังคงมีชาวอเมริกันอีกประมาณ 1.6 ล้านคนที่มีความเสี่ยงสูงและจำเป็นต้องได้รับวัคซีน

ขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินการล่าสุดของรัฐบาลกลางในครั้งนี้ว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ช้าเกินไป ควรจะมีการประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับประเทศมานานแล้ว

จากการเปิดเผยของ WHO โรคฝีดาษลิงแม้จะพบการระบาดในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 98% ของจำนวนผู้ป่วยทั่วโลก แต่สามารถติดต่อไปยังผู้ที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้เช่นกัน ไม่เพียงแค่การมีเพศสัมพันธ์ การกอด หรือการจูบกับผู้ติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้ผ้าเช็ดตัวหรือเตียงร่วมกันกับผู้ติดเชื้อด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ WHO ยังไม่แนะนำให้ใช้วิธีกระจายฉีดวัคซีนในวงกว้าง โดยยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับประสิทธิภาพและจำนวนโดสที่ต้องฉีด แต่แนะนำให้ฉีดวัคซีนแบบเฉพาะเจาะจงไปในกลุ่มเสี่ยง เช่น บุคลากรสาธารณสุข ผู้ที่ปฏิบัติงานในห้องแล็บ และผู้ที่มีคู่นอนหลายคน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า